“งานครัว” เรื่องจริงที่มีความหมายกับชีวิตของเด็ก
ระหว่างรับประทานอาหารว่างร่วมกัน เด็กคนหนึ่งเปรยขึ้นว่า “เราไม่ได้กินแซนด์วิชแฮมชีสกันนานแล้วนะ” เด็กอีกคนพูดเสริมว่าอยากกินแซนด์วิช คุณครูได้ยินดังนั้นจึงถามเด็กๆ ว่า เราลองทำแซนด์วิชกันดีไหม ครูมีสูตรแซนด์วิชของคุณยายอาจารย์อ๋อยที่อร่อยมาก แต่ครูไม่เคยลองทำมาก่อน เด็กๆ อยากลองทำด้วยกันไหม ปรากฏว่าเด็กๆ ทุกคนอยากลองทำ
ตอนจะลงมือทำ เด็กบางคนสงสัยว่าคุณยายอาจารย์อ๋อยคือใคร คุณครูจึงเอารูป รศ.ประภาภัทร นิยม ให้เด็กๆ ดู และเล่าให้ฟังว่าคุณยายอาจารย์คือผู้ก่อตั้งโรงเรียนรุ่งอรุณที่เด็กๆ เรียนอยู่ พี่ อ.๓ คนหนึ่งรีบพูดเสริมขึ้นมาว่า “อ๋อ อาจารย์ประภาภัทรใช่ไหม” จากนั้นเด็กๆ และคุณครูก็ชวนกันพูดคุยถึงคุณยายอาจารย์และแซนด์วิชที่จะทำกัน
แซนด์วิชสูตรคุณยายอาจารย์มีส่วนผสมหลากหลายที่เด็กทั้งรู้จักและไม่รู้จัก โดยเฉพาะมะกอกดำ ใบไทม์ น้ำมันมะกอก ที่เด็กๆ เพิ่งเคยได้ยินชื่อ จึงรู้สึกตื่นเต้นและเฝ้ารอที่จะได้ทำแซนด์วิชสูตรพิเศษนี้ และเป็นอีกครั้งที่ทุกคนได้มีส่วนร่วม อยากลงมือทำในส่วนที่ตัวเองสนใจ
เมื่อเด็กๆ อยากทำ ครูก็ไม่รีรอ อาสาซื้อวัตถุดิบบางส่วนที่ไม่มีในตลาดคุณปู่มาให้ ส่วนผักบางชนิด เช่น หอมใหญ่ มะเขือเทศ คุณครูและเด็กๆ พากันไปเลือกซื้อจากตลาดคุณปู่ในตอนเช้า พอสายๆ ก็เริ่มลงมือทำแซนด์วิชกัน โดยแบ่งงานตามความสามารถและความสนใจของเด็กๆ น้องเล็ก อ.๑ หั่นขนมปัง ล้างผัก แกะข้าวโพด (หลายคนแกะไปกินไป จนพี่ อ.๓ ต้องคอยเดินมาเตือน เพราะกลัวจะไม่เหลือไว้ทำแซนด์วิช) พี่ อ.๒ อ.๓ หั่นผักและผัด โดยเปิดโอกาสให้เด็กๆ ลงมือทำด้วยตัวเองทุกขั้นตอน ครูเพียงทำให้ดูว่าต้องหั่นผักแต่ละชนิดอย่างไร บอกลำดับการใส่วัตถุดิบลงไปผัด ตั้งคำถามให้เด็กกะปริมาณเครื่องปรุงที่จะใส่ และคอยดูแลความปลอดภัยอยู่ใกล้ๆ
เมื่อครูวางใจและเปิดโอกาสให้เด็กทำเอง จึงเห็นว่าเด็กๆ สามารถจัดการตนเองได้ดี น้อง อ.๑ รู้จักระมัดระวัง คอยบอกเพื่อนๆ และพี่ๆ ไม่ให้เข้ามาใกล้ตอนเขากำลังหั่นขนมปัง เพราะอาจเกิดอันตรายได้ น้อง อ.๒ หั่นหอมใหญ่ไปน้ำตาไหลไป แต่ก็หันมาบอกครูว่าไม่เป็นไร เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องน้ำตาไหล พี่ อ.๓ ที่รับหน้าผัด หยิบจับกระทะและตะหลิวได้อย่างทะมัดทะแมง เมื่อสังเกตเห็นควันพวยพุ่งจากกระทะ ก็บอกครูว่าไฟน่าจะแรงไป พร้อมทั้งปรับไฟให้เบาลง สามารถกะปริมาณเครื่องปรุง โดยใส่ทีนิดแล้วคอยชิมเรื่อยๆ หลังจากผัดกระทะแรกเสร็จแล้วลองชิม พบว่ารสชาติเป็นที่พึงพอใจของทุกคน ในกระทะที่ ๒ เด็กๆ จึงทำอย่างมั่นใจยิ่งขึ้น สามารถจำลำดับการใส่วัตถุดิบได้โดยครูไม่ต้องบอก และกล้าคิดกล้าลอง ขอปรับสูตรใส่ใบไทม์เพิ่ม เพราะอยากให้กลิ่นหอมมากขึ้น
เมื่อทำเสร็จแล้วก็รอเวลารับประทานร่วมกัน ครั้งนี้ครูสังเกตเห็นว่าเด็กๆ อดทนรอคอยได้เป็นอย่างดี แม้จะอยากกินมาก ยิ่งตอนผัดแล้วได้กลิ่นหอมก็ยิ่งอยากกิน แต่ทุกคนสามารถอดทนรอคอยเพื่อรับประทานพร้อมกัน และรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย น้อง อ.๑ บางคนที่เห็นวัตถุดิบเป็นผักมากมายหลายชนิดแล้วบอกว่าไม่กินอันนี้นะ ไม่กินอันนั้นนะ แต่พอทำเสร็จเป็นแซนด์วิช กลับรับประทานอย่างมีความสุข
“ดีใจมากที่ทำแล้วมันอร่อย” “ทำครั้งแรกก็อร่อยเลย” เสียงแห่งความภาคภูมิใจของเด็กๆ
เมื่อเกิดความภาคภูมิใจ รู้สึกถึงความสำเร็จ เด็กๆ จึงอยากแบ่งปัน คนแรกที่เด็กๆ นึกถึงคือคุณยายอาจารย์เจ้าของสูตร คนต่อมาคือคุณครูที่โรงเรียนนานาชาติรุ่งอรุณ ได้แก่ คุณครูต้อย (ครูสุวรรณา ชีวพฤกษ์ ผู้รับใบอนุญาต) คุณครูโม (ครูสุนิสา ชื่นเจริญสุข ผู้อำนวยการโรงเรียน) และคุณครูเจมส์ (Mr. James Ford, Head of School) ที่ใจดีพาเด็กๆ เที่ยวชมอาคารเรียนและดาดฟ้าของโรงเรียนนานาชาติฯ เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งเด็กๆ รู้สึกสนุกและประทับใจมาก ยังคงพูดถึงอยู่จนทุกวันนี้ ในวันนั้นเด็กๆ จึงช่วยกันจัดเตรียมแซนด์วิชและเขียนการ์ดจัดส่งให้ทั้งสี่ท่านเพื่อขอบคุณ
การทำอาหารหรือ “งานครัว” เป็นเรื่องจริงที่มีความหมายสำหรับชีวิตของเด็ก เมื่อทำอาหารกินเองได้ เด็กจะรู้สึกภูมิภาคใจ เมื่อได้ทำซ้ำๆ เขาจะมีความมั่นใจ กล้าตัดสินใจ และเกิดเป็นความมั่นคงในจิตใจว่าเขาสามารถพึ่งพาตนเองได้
—
“เรื่องเล่าจากห้องเรียน” โดย ครูภาวิดา คำสัตย์ (ครูแตงโม) ฝ่ายอนุบาล โรงเรียนรุ่งอรุณ