พิธีถวายผ้าป่าและฟังธรรม หลวงพ่อสงบ กุศลจิตฺโต
วันพฤหัสบดีที่ ๑๙ มิ.ย.๕๗ ครู ผู้ปกครอง และนักเรียน โรงเรียนรุ่งอรุณ ร่วมถวายผ้าป่าสามัคคีเพื่อสร้างวัดป่าสุขใจ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมฟังพระธรรมเทศนาจากหลวงพ่อสงบ กุศลจิตฺโต โดยมียอดผ้าป่าทั้งสิ้น ๑,๕๐๘,๗๒๓ บาท (หนึ่งล้านห้าแสนแปดพันเจ็ดร้อยยี่สิบสามบาท) ขออนุโมทบุญกับทุกท่านค่ะ
นำพระธรรมเทศนาเรื่องการศึกษามาแบ่งปันค่ะ
“…เขาจบ ป.๔ แต่เขาเป็นดอกเตอร์อยู่ในตัว เรียนวิชาไหน ทุ่มเทกับธุรกิจอะไร เขารู้จริงเห็นจริง พุ่งไปจริงๆ ดำเนินไปจริง เรียนจากผิดๆ บกพร่องผิดพลาดแล้วก็ปรับปรุง ความเก่งอยู่ที่ไหน อยู่ที่วิชาที่ตัวเองชอบแล้วก็เข้าใจ นั่นล่ะเก่งจริง มันไม่ได้เก่งทุกวิชาหรอก นี่ล่ะคือการศึกษาที่แท้ แล้วก็นำออกมาดำเนินชีวิตได้ เลี้ยงตัวเองได้ แล้วก็เสริมให้กับชุมชน สังคม แล้วก็ประเทศชาติได้ เพราะผู้นี้จบออกมา วิชาที่มีอยู่ก็ใช้ความรู้นี้ทำหน้าที่และเป็นประโยชน์ได้”
“…มันการศึกษาอะไร ลงทุนเท่าไร เสียเวลาเท่าไร แต่ความรู้ที่เรียนมากลับว่างเปล่า แค่ขอให้สมัครงานได้ แล้วก็ได้งาน แล้วมีเงินเดือน แล้วก็เลี้ยงตัวเองเป็นวันๆ ไป ความเจริญงอกงามจะมีจากไหน นั่นล่ะถึงได้จุดประกายในการศึกษาให้ค้นหาว่าเราต้องการอะไร แล้วพ่อแม่ต้องรู้ด้วย ต้องดูด้วยว่าลูกเต้าของเราเขาเอาใจใส่อะไร สังเกตสังกากับครูอาจารย์ เราเป็นผู้ปกครอง ทุกคนก็ต้องได้ดู ก็คุยกัน สังเกตไปพร้อมกัน”
“ไหว้ครูก็จากความรู้สึกกตัญญู สิ่งที่ท่านเติมความรู้ให้กับจิตใจของเรา จึงเกิดเป็นไหว้ครูที่ถอดออกมาจากจิตใจจริงๆ เพราะท่านชี้นำความรู้ที่ไม่เข้าใจ หรือความรู้ที่ยังไม่มี ท่านก็ต่อเติม ชี้ถูกชี้ผิดให้กับพวกเรา ลูกศิษย์ลูกหาถึงเกิดความกตัญญู เห็นคุณค่าที่จิตใจยกระดับขึ้นมา ไหว้ครูไม่ได้กำหนดว่าเป็นวันนี้ ปีหนึ่งครั้งหนึ่งนะ ลูกศิษย์ที่ได้ดิบได้ดีมาจะระลึกถึงครูตลอดเวล่ำเวลาเลยนะ ไม่เห็นใครนะ เท่ากับองค์พระศาสดา พระพุทธเจ้า ที่เป็นครูเอกสอนโลก สอนจิตใจของผู้ของคน ใครสัมผัสกระทำในหน้าอกแล้วไม่มีจืดมีจาง กลางวันกลางคืน วันเดือนปีไม่ได้สลักสำคัญ แต่ใจประทับคุณของพระองค์ท่านอย่างถึงหัวอก นั่นล่ะคือความระลึกพระคุณผู้ชี้นำแนวทางที่ถูกที่ต้อง ให้จิตใจเราก้าวเดิน”
“ครูภายในสำคัญที่สุด จำไว้ให้ดี มีครูนอกครูในนะ ครูภายนอก ครูบาอาจารย์ที่ประสิทธิประสาทวิชาต่างๆ หรือบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวโยงเรา ตักเตือนเราในสิ่งที่ผิดที่พลาด ไม่ว่าจะพ่อจะแม่ ไม่ว่าจะปู่จะย่า หรือพี่หรือน้อง หรือมิตรสหาย ที่ตักเตือนเราในสิ่งที่เราบกพร่อง นี่คือครูภายนอก”
“แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือครูภายใน จิตใจตัวเอง ตักเตือนตัวเอง สอนตัวเองอยู่นั้น หักห้ามใจตัวเองอยู่นั้น มีการระมัดระวัง รู้จักว่าอันนี้ควรไม่ควร นั่นล่ะครูใน ครูผู้นี้สามารถเบรกระงับจิตใจนี้ไม่ให้ลื่นไถลหรือออกไปเฉี่ยวไปชน หรือทำความล่มจมให้กับใจของเรา ในการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเกี่ยวพันกับใคร ฐานะอะไร บุคคลคนไหน ใจดวงนี้ไม่ลื่นไถลไปเฉี่ยวไปชน คือไม่ทะเลาะเบาะแว้ง เพราะมีครูในพยายามตักพยายามเตือน แล้วอบรมสั่งสอน รู้จักว่าอันนี้ควรเหยียบคันเร่งหรือจะเหยียบเบรก”
“ครูในนี่สำคัญนะ ถ้าไม่มีครูใน รอแต่ครูภายนอก ผู้นี้ไม่สามารถปกครองจิตใจของตัวเองได้ ควบคุมอารมณ์ของใจตัวเองไม่ได้ แล้วก็ไม่รู้จักเข็ดจักหลาบกับสิ่งที่ผิดพลาดบกพร่อง แม้ครูภายนอกจะบอกจะกล่าว ตักเตือนพร่ำสอนเท่าไรว่าอันนี้ผิดหรือถูก ผู้นี้ก็ไม่ได้ไปสลักสำคัญ เพราะไม่มีครูในเพื่อจะทบทวนสิ่งที่ตัวเองกระทำ และผลลัพธ์ที่ทำลงไป ใจดวงนี้เป็นทุกข์ขนาดไหน หนักขนาดไหน วันนี้ขอให้คตินะ เอาไปขบไปคิด ธรรมะไม่ต้องพูดมากหรอก พูดพอให้สะดุดเท่านั้นล่ะ นี่ล่ะ อัตตา หิ อัตตโน นาโถ ตนนั้นแลเป็นที่พึ่งของตน”
“เราเกิดเป็นมนุษย์ มีอวัยวะที่สมบูรณ์แล้ว มีตา มีหู จมูกลิ้น กาย อวัยวะที่สัมพันธ์กับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส การเคลื่อนไหวไปมา สามารถเปิดตาได้รูป หูได้ยินเสียงสิ่งต่างๆ พาขับเคลื่อนไปได้ แล้วนำพาความรู้เข้ามา แล้วเอามาสั่งมาสอนตัวเอง เอามาเปรียบมาเทียบความรู้ภายในใจของตัวเอง แล้วครูในนั่นล่ะจะเป็นผู้กลั่นกรอง คัดแยก ตักเตือนตัวเองไม่ให้ลื่นไถลออกไปทำสิ่งที่บกพร่องให้กับคนอื่น ทำความเดือดร้อนให้กับผู้กับคน เราคนหนึ่งก็เป็นความเจริญอยู่ในตัว ใครจะรู้ไม่รู้ก็ช่าง เราจะอยู่กับของที่มีค่า คือความรู้ที่ถูกต้องดีงาม…”
“มีทุกคนล่ะครูใน แต่เราจะเชื่อตรงนั้นไหม นี่ล่ะที่ว่ามีหิริโอตัปปะ ความละอายเกรงกลัว นั่นล่ะ เสียงนั้นล่ะ เสียงครูใหญ่อยู่ที่นั่น”