นักเรียนมัธยมนำเสนอการเรียนรู้ในงานธรรมยาตรา ณ เมืองสี่แคว ครั้งที่ ๕
วันที่ ๑๖ ม.ค.๕๘ นักเรียนชั้น ม.๒/๓ และ ชั้น ม.๕ สำนักสื่อฯ ไปร่วมจัดแสดงนิทรรศการและนำเสนอการเรียนรู้โครงงานในงานธรรมยาตรา ณ เมืองสี่แคว ครั้งที่ ๕ “สุข สุนทรีย์ วิถีธรรมชาติ” ณ อุทยานสวรรค์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ในครั้งนี้นักเรียนชั้น ม.๒ นำโครงงานบึงบอระเพ็ดที่ออกภาคสนามเรียนรู้ในเทอม ๑ ไปนำเสนอ พร้อมทั้งแสดงละครเวทีสะท้อนปัญหาด้านทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมของบึงบอระเพ็ดที่นักเรียนค้นพบจากการออกภาคสนามเป็นการแสดงเปิดงาน ขณะที่พี่ชั้น ม.๕ นำโครงงานชุมชนปกาเกอะญอบ้านสบลาน จ.เชียงใหม่ ไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ภายในงาน และจัดกิจกรรมทำภาพพิมพ์จากธรรมชาติให้ผู้มาร่วมงานได้สัมผัสความงามที่หาได้ง่ายในธรรมชาติรอบตัว
นอกจากนี้ น.ส.วรัศมิ์ พิทักษ์วรรัตน์ (หนูดี) ชั้น ม.๕ ได้อ่านสาส์นจากคนปลายน้ำเพื่อสะท้อนมุมมองของเยาวชนต่อธรรมชาติจากประสบการณ์การออกภาคสนามที่ชุมชนบ้านสบลาน ณ เวทีกลางของงาน จากนั้นด.ญ.ณิษา ปิติทรงสวัสดิ์ (ฟราน) ชั้น ม.๒ และ น.ส.อรกานต์ เรืองฤทธิ์สกุล (ออม) ชั้น ม.๕ ได้มีโอกาสร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นบนเวทีเสวนา “คนรุ่นใหม่กับวิถีธรรมชาติ” ร่วมกับ อ.ประมวล เพ็งจันทร์ คุณโจน จันได และคุณวรรณสิงห์ ประเสริฐกุล
“คงน่าเสียดายเป็นอย่างมาก หากวันหนึ่งธรรมชาติ ป่าเขา ลำน้ำ พืชพรรณเหล่านั้นจะเสื่อมโทรม สูญพันธุ์ และหมดไป มนุษย์ก็คงไม่สามารถเอาชีวิตรอดและดำรงเผ่าพันธุ์ได้ รวมถึงลูกหลานของเราก็คงไม่มีโอกาสได้เห็นสภาพแวดล้อมที่สวยงาม และใช้ชีวิตกับธรรมชาติอย่างที่บรรพบุรุษเคยได้เห็นและเป็นอยู่ จะมีวิธีใดไหมที่ทำให้สภาพแวดล้อมในอดีตกลับฟื้นฟูขึ้นมาในปัจจุบัน ให้คนรุ่นใหม่ได้เห็นและช่วยดูแลรักษากันสู่รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไป และการที่คนรุ่นใหม่ได้เห็นธรรมชาติที่สวยงาม ส่วนหนึ่งจะเป็นตัวแปรผลักดันทำให้คนเห็นคุณค่าในธรรมชาติ ธรรมชาติก็จะคงอยู่กับเราตลอดไป เพราะมนุษย์กับธรรมชาติได้เห็นคุณค่าของกันและกันแล้ว” น.ส.วรัศมิ์ พิทักษ์วรรัตน์ ชั้น ม.๕
“ผมมีความรู้สึกว่าการคืนดีกับธรรมชาติเป็นความหมายที่สำคัญสำหรับพวกเราทุกคน ผมเข้าใจว่าการคืนดีกับธรรมชาติทำให้เราไม่หวั่นไหว ไม่หวั่นกลัวกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ และการไม่หวั่นไหวหวั่นกลัวกฎเกณฑ์ธรรมชาติ เป็นความหมายที่ลึกซึ้งของการมีชีวิตอยู่” อ.ประมวล เพ็งจันทร์
“สิ่งที่เป็นธรรมชาติ มันจะง่าย เบาสบาย ไม่เป็นทุกข์ แต่ที่เป็นปัญหาทั้งหลายทั้งปวงทุกวันนี้เพราะเราต้องการอะไรที่ฝืนธรรมชาติ ถ้าหากเราให้โอกาสตัวเองเรียนรู้ธรรมชาติภายในตัวเองบ้าง เราจะเห็นว่าชีวิตเป็นเรื่องง่ายๆ เป็นเรื่องธรรมดา” คุณโจน จันได
ขอขอบคุณคณะผู้จัดงานและผู้ใหญ่ใจดีทุกท่าน ที่เปิดโอกาสและพื้นที่ให้นักเรียนรุ่งอรุณได้พาตัวเองออกไปเรียนรู้กับผู้รู้และการงานจริง ไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอความรู้ที่นักเรียนได้ทบทวนแล้วถ่ายทอดสิ่งที่ตนรู้แก่ผู้อื่น การร่วมฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้รู้ผู้มีประสบการณ์เช่นอาจารย์ประมล เพ็งเจริญ คุณโจน จันได คุณวรรณสิงห์ ประเสริฐกุล และผู้มาร่วมงานที่ล้วนเป็นผู้ใส่ใจในธรรมชาติ นับเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่มีค่าของนักเรียนทุกคน