หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช บรรยายธรรมที่รุ่งอรุณ
วันพุธที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๘ ครู ผู้ปกครอง และนักเรียนชั้น ม.๖ ร่วมฟังธรรมเทศนาจากหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช ณ เรือนรับอรุณ โรงเรียนรุ่งอรุณ อนุโมทนากับทุกท่านค่ะ
นำธรรมบางตอนในวันนั้นมาแบ่งปันค่ะ
“ธรรมที่หลวงพ่อถ่ายทอดให้ไม่มีคำว่า “ต้อง” ไม่มีคำว่า “ห้าม” มีแต่คำว่า “รู้ตามความเป็นจริง” รู้สึกกายอย่างที่กายเป็น รู้สึกใจอย่างที่ใจเป็น นี้เป็นศาสตร์ที่สำคัญมาก แต่ข้อห้ามพื้นฐานก็ต้องทำนะ ข้อห้ามมีอยู่ ๕ ข้อเท่านั้นเอง คือห้ามทำผิดศีล ศีล ๕ ข้อสำคัญมาก คนรุ่นหลังนี่ใจบาป เห็นว่าใครถือศีลเป็นเรื่องโง่เสียอีก ความจริงการถือศีลนั้นก็คือการไม่เบียดเบียนคนอื่น แล้วก็ไม่เบียดเบียนตัวเองในบางเรื่อง ศีล ๕ ข้อพวกเราต้องรักษา
ศีลข้อ ๑ ห้ามเบียดเบียนชีวิตร่างกายของคนอื่นสัตว์อื่น เพราะชีวิตร่างกายของคนอื่นสัตว์อื่นเป็นสิ่งที่เขารัก เราก็รักชีวิตของเรา รักร่างกายของเรา เราก็อย่าไปเบียดเบียนคนอื่นเขาด้วย คนอื่นเขาก็รักของเขา ไม่เบียดเบียนทรัพย์สมบัติของเขาคือศีลข้อที่ ๒ ไม่เบียดเบียนแย่งชิงคนที่เขารัก ลูกเมียเขา ไปแกล้งประทุษร้ายลูกเมียเขา เขาก็เศร้าโศกเสียใจ ลูกเมียเราเราก็รัก เราก็ไม่อยากให้คนอื่นมาทำร้าย ศีลข้อที่ ๔ อย่าไปด่าว่าเขา อย่าไปใส่ร้ายป้ายสีโกหกหลอกลวงเขา เขารักอะไร เขารักชื่อเสียงเกียรติยศของเขา เราอย่าไปใส่ร้ายเขา ไปทำลายชื่อเสียงของเขา
ศีลข้อ ๑ ๒ ๓ ๔ ไม่ทำร้ายคนอื่น ไม่ทำร้ายสิ่งที่เขารัก ชีวิตร่างกายเขา ทรัพย์สมบัติเขา ลูกเมียเขา สามีเขา ชื่อเสียงเกียรติยศของเขา ศีลข้อที่ ๕ ไม่ทำร้ายตัวเอง คือไม่ทำร้ายสติของตัวเอง เบื้องต้นเรารักษาศีล ๕ให้ได้ ศีลในองค์มรรคจริงคือศีลข้อ ๑ ๒ ๓ ๔ สำคัญมาก ส่วนข้อ ๕ เป็นไปเพื่อให้เกิดสติ สัมมาวาจาก็คือศีลข้อ ๔ สัมมากัมมันตะก็คือข้อ ๑ ๒ ๓ ดังนั้นตั้งใจรักษาเอาไว้ ใครว่าเราก็โง่ก็ให้เขาว่าไป เราอยู่อย่างโง่ๆ แต่เราไม่ได้เบียดเบียนคนอื่น ชีวิตเราสะอาด…”
“มีศีลอย่างเดียวไม่พอ ต้องพัฒนาจิตใจขึ้นไปอีก ลำพังมีศีลเราก็เป็นคนดี แต่ยังมีทุกข์อยู่ เราต้องพยายามพัฒนาจิตใจของเรา พัฒนาคุณภาพของจิตใจ ๒ ระดับ ระดับแรกคือพัฒนาให้จิตใจอยู่กับเนื้อกับตัว เรียกว่ามีสมาธิที่ถูกต้อง เรื่องของสมาธิเป็นเรื่องใหญ่มาก เป็นเรื่องชี้เป็นชี้ตายเลยว่าจะเจริญปัญญาได้ไหม เจริญปัญญาได้ โอกาสจะได้มรรคผลนิพพานในชาตินี้ก็มี ถ้าเจริญปัญญาไม่ได้ โอกาสที่จะได้มรรคผลนิพพานไม่มี พระพุทธเจ้าท่านฟันธงเลย บุคคลถึงความบริสุทธิ์ได้ด้วยปัญญา แต่ก่อนจะเข้ามาถึงความเจริญปัญญาได้ เราต้องมาฝึกจิตก่อน แล้วสมาธิเป็นเหตุใกล้ให้เกิดปัญญา…”
“สมาธิที่ทำให้เกิดปัญญานั้นจิตไม่ได้ไปสงบอยู่ในอารมณ์อันเดียวนะ แต่จิตตั้งมั่นขึ้นมาเป็นคนดู แล้วเห็นอารมณ์นั้นเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงนับจำนวนไม่ถ้วน เห็นรูปธรรมจำนวนมากเกิดแล้วดับไป เห็นนามธรรมจำนวนมากเกิดแล้วดับไป สมาธิชนิดนี้ล่ะที่พวกเราต้องฝึกให้ได้”
ชมธรรมบรรยายฉบับเต็มได้ที่วิดีโอด้านล่างนี้
ขอบคุณคลิปวิดีโอจากพ่อยอด (Pongpetch Yod Amornsit) ค่ะ