รุ่งอรุณรวมใจรวมพลังพร้อมรับเปิดเทอม
เช้าวันนี้ (๖ ก.ย.๕๘) เป็นวันพระและเป็นวันเตรียมพร้อมก่อนเปิดภาคเรียนที่ ๒ คุณครูใหญ่ คุณครูทุกระดับชั้น และบุคลากร โรงเรียนรุ่งอรุณ ร่วมสวดมนต์เจริญจิตภาวนา เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีแด่ ดร.วีระ สัจกุล อดีตอธิการบดีสถาบันอาศรมศิลป์ และอาจารย์หม่อมดุษฎี บริพัตร ณ อยุธยา กรรมการที่ปรึกษาโรงเรียนรุ่งอรุณ ครูบาอาจารย์ผู้กอปรด้วยคุณูปการอย่างยิ่งต่อรากฐานการศึกษาของโรงเรียนรุ่งอรุณและต่อวงการศึกษาของประเทศไทยผู้จากไป
หลังจากนั้นคุณครูสุนิสา ชื่นเจริญสุข (คุณครูโม) ผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ชวนคุณครูภาวนาและสนทนาในหัวข้อ “๘ ข้อปฏิบัติเพื่อฝึกหาความสุข” ซึ่งเป็นบทความที่ รศ.ประภาภัทร นิยม นำมาฝากคุณครูเพื่อเป็นหลักในการทำงานและการดำเนินชีวิตอย่างเป็นปกติ พร้อมทั้งพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นนโยบายลดเวลาเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งช่วยย้ำความมั่นใจในแนวทางการจัดการศึกษาของรุ่งอรุณที่แบ่งเป็นวิชาภาคเช้าและวิชาภาคบ่าย ที่สอดคล้องกับธรรมชาติการเรียนรู้ของมนุษย์ การเตรียมความพร้อมรับวันเปิดภาคเรียนที่ครูได้เตรียมแผนการสอนและกิจกรรมใหม่ๆ ที่ท้าทายทั้งต่อคุณครูและนักเรียน โดยเฉพาะการเริ่มใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นในหน่วยวิชาต่างๆ ในทุกระดับชั้น ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่เทอม ๒ นี้เป็นต้นไป
“ปีนี้รุ่งอรุณก้าวสู่ปีที่ ๑๙ เราอยู่กันมาได้ด้วยอาจารย์ประภาภัทรเป็นผู้นำที่ไม่เคยหวั่นไหวกับอุปสรรค แล้วก็พาเราก้าวไปๆ แม้ว่าครูอาจจะงงๆ บ้าง แต่ว่าอาจารย์ไม่เคยลัง แล้วอาจารย์ไม่ได้ทำเพื่อรุ่งอรุณ แต่อาจารย์ทำเพื่อประเทศชาติ ทั้งนี้ทั้งนั้นการมีพละกำลังทำงานเช่นนี้ได้ ถ้าเราเรียนรู้จากตัวอย่างของอาจารย์จะเห็นว่า การไม่อยู่ในความกังวล ความเป็นนักสู้ที่ไม่ท้อถอยกับอุปสรรคเล็กๆ น้อย ทำให้เรามีวันนี้ได้ ถ้าเรายึดตัวอย่างจากคนใกล้ตัวเช่นนี้ได้ เราจะมีพละกำลังและฝ่าฟันอุปสรรคได้ ปัญหาของพวกเราคือปัญหาของคนดี ปัญหาของการที่ไม่ดีไม่ได้ พอไม่ดีเราก็ไม่ทำ ใครตำหนิเราก็ไม่ชอบ อะไรที่ไม่ใช่อย่างที่เราคิด เราก็คิดว่าเป็นอีกพวกหนึ่ง เป็นคนดีที่ตึงเกินไป คนไม่ดีคือคนที่หย่อนเกินไป ทำอย่างไรให้อยู่ในความสมดุลที่สุด ใครจะนินทาก็เป็นเรื่องของเขา เพราะว่าผิดอยู่ที่คนนินทา ไม่ใช่อยู่ที่คนถูกนินทา ครูบาอาจารย์สอนมา เราก็ต้องเอามาสอนตัวเอง ไม่อย่างนั้นเราก็อยู่ไม่ได้ อยู่เพื่อที่จะทำให้ชีวิตเรา นักเรียน โรงเรียน บ้านเมือง อยู่อย่างเป็นกัลยาณมิตรต่อกันก็จะรื่นรมย์ขึ้น” คุณครูสกุณี บุญญะบัญชา (คุณครูจิ๋ว) ครูใหญ่ฝ่ายประถม
“ในสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ เราควรตื่นตัว ไม่ใช่ตื่นตระหนก เท่าทันต่อความเปลี่ยนแปลง ใช้ความรู้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งต่อตนเองและประเทศชาติ” คุณครูสุวรรณา ชีวพฤกษ์ (คุณครูต้อย) ครูใหญ่ฝ่ายมัธยม
“การเรียนรู้ด้วยวิธีบูรณาการที่อาจารย์ประภาภัทรพาพวกเราไปถึงคุณค่าของสิ่งต่างๆ ให้เราอยู่กับสรรพสิ่งและเข้าใจในความเป็นมนุษย์ เรามีฐานที่ดีแล้ว ขอให้เราภาคภูมิใจและมั่นใจว่าเดินเรามาถูกทางแล้ว และเราก็ได้ทำสิ่งที่มีคุณค่าที่สุด การที่เราขยับไปขั้นหนึ่งในเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษ เราใช้เป็นเครื่องมือในการติดต่อสื่อสารกับผู้คนต่างๆ มากมาย แล้วก็ต้องช่วยเพื่อนในสังคมของเราอีกหลายๆ เรื่องที่เราต้องช่วยกัน เราเป็นเหมือนนักรบนะ เป็นนักรบทางการศึกษา นักรบทางจิตวิญญาณ เรามาอยู่ตรงนี้ เรามีภาระหน้าที่ต้องทำ ก็ขอให้ภูมิใจและก้าวไปด้วยกัน ไม่มีอะไรถูกไปทั้งหมด และไม่มีอะไรผิดทั้งหมด ขอเพียงเรียนรู้ร่วมกันและเข้าใจกัน ให้กำลังใจกัน” คุณครูอารีย์ จันทร์แย้ม ผู้ช่วยครูใหญ่ฝ่ายมัธยม
“เราอยู่ได้ด้วยการเป็นดั่งพี่น้องญาติมิตร ให้อภัยกัน อาจารย์ประภาภัทรมักจะโยนโจทย์ที่เราคิดกันว่ายาก ทำไมต้องทำของยาก ในใจเราก็จะนึกแบบนี้ แท้จริงแล้วอาจารย์เพียงต้องการให้เราขยับตัว แล้วทุกครั้งที่ทำ สิ่งที่เปลี่ยนไปคือตัวเรา สิ่งที่ได้พัฒนาคือตัวเรา ผลพลอยได้คือเด็ก” คุณครูเสมอแข พัวภูมิเจริญ (คุณครูจุ๋ม) หัวหน้าฝ่ายสำนักงานกลาง