การจัดการความรู้ (KM): ตื่นรู้แบบครูรุ่งอรุณ (๑๓)
:: ในกายในใจเรานี้ เรียนรู้ได้ทุกนาที – รศ.ประภาภัทร นิยม ::
“วันนี้มีเรื่องดีๆ ที่ได้ฟังเยอะมาก ฟังแล้วสบายใจ ชื่นใจ ว่าทุกคนสามารถเติบโตทางด้านจิตวิญญาณได้จริง จิตวิญญาณไม่ใช่ธรรมดาด้วย จิตวิญญาณครู ซึ่งหาได้ยากนะจิตวิญญาณครูนี้ พวกเราจับทางมาถูก หลายๆ คนฟังแล้วเขาก็ไม่ได้ติดยึดกับความสุขมากนัก อาจจะไม่ใช่โจทย์ว่าเรามาไขว่คว้าหาความสุขกัน ถ้าเราปฏิบัติธรรม เราจะรู้ว่าความสุขแท้ๆ ไม่มีหรอก มันคือความทุกข์ลดลงๆ ความทุกข์มันลดลงเรื่อยๆ เพราะว่ามันกระจ่างชัด
เมื่อเช้ามีเพื่อนจากต่างประเทศถามว่า เขาวิตกกังวลบ่อยมาก แล้วเขาก็รู้ว่าวิตกอยู่ แต่ทำไมมันไม่หายไป อันนี้คือความทุกข์ใช่ไหม พวกเราก็มักจะเป็นกัน เลยตอบเขาจากประสบการณ์ตัวเอง บอกว่าอาการรู้มีหลาย ๒-๓ ระดับ อันที่หนึ่ง รู้ว่าเราเป็นไปแล้ว แล้วก็เป็นอยู่ อันนี้เรียกว่าดูเหมือนรู้ อีกระดับหนึ่ง รู้ตอนที่อาการวิตกมันเกิด รู้ช่วงที่มันค่อยๆ เกิดขึ้นมา แล้วบางครั้งรู้ต่อไปว่ามันโตขึ้น ถ้าหากว่าเราชำนาญขึ้นอีกหน่อย เราจะเห็นตอนมันหายไป ทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้ การรู้แบบนี้บ่อยๆ ก็จะจำได้ จำตอนเห็นมันเกิด ตอนมันโต และตอนมันหาย และในบางครั้งเราเห็นข้ามๆ ขั้นก็มี เห็นตอนมันเกิด แล้วเห็นอีกทีตอนมันหายไป ก็ไม่เป็นไร ค่อยๆ สะสมไป สะสมไปมันจะเกิดปัญญา ปัญญาจะบอกว่า นี่ไตรลักษณ์ มันเป็นของมัน อาการของมัน
เมื่อเราทำบ่อยๆ รู้บ่อยๆ แน่ใจในไตรลักษณ์บ่อยๆ จะเกิดปัญญารู้ว่า อ๋อ ที่มันผุดขึ้นมาแล้วเราร่วมเล่นกับมันด้วย เราจะเห็นว่ามันเป็นการทำหน้าที่ของรูป ของนาม ของกาย ของใจ เป็นเรื่องของกายของใจที่ทำอยู่ด้วยกัน ใจคิดอย่างไร คำพูดก็ออกไปอย่างนั้น มันเป็นการทำหน้าที่ แล้วตัวที่จะขัดขวางการทำหน้าที่นี้ให้ไปทำในเรื่องซึ่งไม่เป็นกุศลนั้นคืออะไร ถ้าเรารู้อันนี้ได้ เราจะไม่ค่อยทุกข์เท่าไร เราจะเริ่มรู้ว่า อ๋อ ก็มันคิดว่าเราเป็นเรา เป็นเราทำ เราชอบ เราไม่ชอบ เรารู้สึกอร่อย ไม่อร่อย เป็นเรื่องใหญ่สำหรับเรามาก คือเราไปยึดเอาไว้ ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องของกายของใจมันทำอยู่ ลิ้นสัมผัสปุ๊บ มันรู้รส ใจก็จะบอกว่าชอบ ไม่ชอบ อร่อย ไม่อร่อย มันก็เป็นเรื่องของมัน ทำหน้าที่ของมัน เราก็เอามาเป็นว่าเราชอบ เราไม่ชอบ จริงจังกับเรื่องนี้มาก จริงจังมากก็จะบังปัญญา แล้วจะไม่เห็นความจริง
สิ่งเหล่านี้ที่จริงเราอยู่ใกล้มาก เราเรียนรู้ได้ โรงเรียนมีการปฏิบัติธรรม มีการสอนสิ่งเหล่านี้อยู่ เราอยู่ใกล้พระพุทธเจ้ามาก เราโชคดี เพราะฉะนั้นเราควรจะใช้มันจริงๆ ควรจะพาตัวเองเข้าไป วันนี้เราเรียนรู้จากสิ่งที่ผ่านมา จากประสบการณ์เยอะแล้ว ลองกลับมาเรียนรู้เรื่องตัวเองลึกๆ เข้าไปอีกหน่อย ที่จริงฟังมา ทุกคนรู้จักตัวเองพอสมควร รู้ว่าตัวเองมีจุดติดขัดตรงไหน ปล่อยอะไรไปได้บ้าง เป็นพื้นฐานที่วิเศษมาก พวกเราโชคดีที่มาถึงจุดนี้ได้
เราเริ่มมองหาอะไรดีๆ จากสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตมากขึ้น แม้จากเรื่องของพัฒน์ซึ่งเป็นลูกศิษย์เรา ทำให้เราชื่นใจ เราเริ่มรู้ว่ารางวัลของการเป็นครูคือสิ่งนี้นะ คือการทำให้คนอื่น ไม่ได้ทำให้ตัวเอง แล้ววันนั้นพัฒน์พูดมาคำหนึ่ง เขาบอกว่า เขามาอยู่ที่นี่แล้วไปทำงาน เขาเริ่มตระหนักรู้ว่าเขาสามารถคิดอะไรใหญ่กว่าตัวเองได้ อาจารย์ฟังแล้ว สุดยอดมาก คือไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของตัวเองแล้ว เขาเล่าว่า ๗ วันเขาไม่ได้หลับได้นอน เขาทำเพื่อคนอื่น นี่ไงผลสำเร็จของรุ่งอรุณ ถ้าครูไม่เป็นอย่างนี้ นักเรียนก็คงไม่เป็น น่าชื่นใจนะ นี่คือรางวัล
ครูโมถามว่าจะทำอะไรต่อไป ทำให้ลึกลงไปในกายในใจของเรานี่ละ เรียนรู้อะไร เรียนรู้บทต่อไป เรียนไปเลย ในกายในใจเรานี้ เรียนได้ทุกนาที ดูพระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก พระพุทธเจ้าบอกว่า เราก็ไม่ใช่อะไร เราอยู่ในใบไม้ ในแสงแดด ในอากาศ ในทุกๆ อย่าง ทุกๆ คนเชื่อมโยงกันได้อยู่แล้ว ทุกคนเป็นเราได้อยู่แล้ว แต่ว่าต้องใช้การฝึก ฝึกสติ สัมปชัญญะ ปัญญา ฝึกจนกระทั่งปัญญามันเกิด
เรายังมีหนทางเดินต่อไปอีกยาวไกล ดีใจที่ทุกคนได้เดินมา ยังไม่หยุด และกำลังจะไปต่อข้างหน้า ก็ขอให้รักษา แล้วใช้วงสนทนานี้เขยิบความรู้ไปเรื่อยๆ อย่าไปหยุด”
………………
เก็บตกจากวงสนทนาการจัดการความรู้ (KM): ตื่นรู้แบบครูรุ่งอรุณ โดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช และครู-บุคลากร โรงเรียนรุ่งอรุณ วันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ ณ เรือนรับอรุณ โรงเรียนรุ่งอรุณ