พิธีปัจฉิมนิเทศนักเรียนมัธยม ปีการศึกษา ๒๕๕๙
“ทุกย่างก้าวที่ก้าวออกไป ต้องมีสติ มีสมาธิ และรู้เท่าทัน”
ดร.วิชิต ชี้เชิญ กล่าวให้โอวาทแก่นักเรียนชั้น ม.๖ รุ่นที่ ๑๕ (RA15) ในพิธีปัจฉิมนิเทศ วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๐ ซึ่งจัดขึ้นโดยนักเรียนชั้น ม.๓ เพื่อให้นักเรียนที่กำลังจะจบการศึกษาระดับชั้น ม.๓ และ ม.๖ ได้กราบขอขมาและรับฟังโอวาทจากครูอาจารย์ เพื่อเป็นอนุสติให้ระลึกถึงความเป็นรุ่งอรุณและตั้งปณิธานของตนเองก่อนจะก้าวสู่การศึกษาในระดับสูงขึ้นไป
ทั้งนี้ท่านอาจารย์วิชิตยังได้นำคำกล่าวของ ศ.นพ.บุญสม มาร์ติน ผู้เป็นครูของท่านมาบอกกล่าวเป็นครูสติแก่นักเรียนว่า คนเราจะมีความสุขได้นั้นต้องมี ๓ ใจ ใจแรกคือใจสะอาด หมายความว่าเป็นคนที่มีจิตใจที่บริสุทธิ์งดงาม ใจที่สองคือใจสงบ หมายถึงมีสติ มีสมาธิ และใจที่สามซึ่งเป็นใจที่จะทำให้ชีวิตยืนยาว นั่นคือใจสนุก
ขณะที่ รศ.ประภาภัทร นิยม ผู้ก่อตั้งโรงเรียนรุ่งอรุณ กล่าวให้โอวาทมีใจความว่า คุณสมบัติหนึ่งของนักเรียนรุ่งอรุณ คือ มีการตระหนักรู้ในตัวเองได้ดีและชัดเจน (Self actualization) ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่วงการต่างๆ ต้องการ ไปอยู่ที่ไหน ทำงานที่ใด เขาก็ต้อนรับ เพราะคนที่ตระหนักรู้ในตน คือตระหนักรู้ทั้งในด้านดีและด้านที่บกพร่อง เป็นผู้ที่พร้อมจะแก้ไขตัวเองได้
ทั้งนี้อาจารย์ประภาภัทรได้เล่าว่ามีโอกาสพบกับอาจารย์จากคณะนิเทศศาสตร์จุฬาฯ ซึ่งกล่าวชื่นชมนักเรียนรุ่งอรุณให้ฟังว่า นักเรียนรุ่งอรุณเป็นคนที่มีสาระ (Substance) หยิบจับสาระเป็น และเป็นคนที่ทำงานได้ด้วยตัวเอง ขับเคลื่อนตัวเองให้ทำงานได้ ทำให้อาจารย์นึกถึงครูรุ่งอรุณ เพราะผลที่เกิดขึ้นสะท้อนถึงครู ครูเป็นอย่างไร ศิษย์ก็เป็นอย่างนั้น บ่งชี้ว่าครูที่นี่มีคุณภาพสูง และเอาใจใส่บ่มเพาะนักเรียน
“เราก็มีความภาคภูมิใจที่นักเรียนของเราเป็นผู้ที่ไปที่ไหนก็เป็นที่ต้องการ มีฉันทะในการทำงานต่างๆ ทำให้มันดี ทำให้ที่สุด ทำให้ไปเจอดีให้ได้ นี้เป็นคุณสมบัติของรุ่งอรุณของแท้ เพราะว่าเราจะทำอะไร เราต้องมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ชีวิตเราจะไม่สูญเปล่า คนเราทำได้ทีละอย่าง เดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ ฉะนั้นทำทีละอย่างให้มันชัด ให้มันรู้ว่าทำอะไรอยู่ ทำแล้วได้อะไร ทำแล้วเกิดประโยชน์อะไรกับตัวเอง มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นกับเรา มีความรู้ใหม่อะไรที่เกิดขึ้นบ้างในการเดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ หายใจทีละเฮือก เราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ดีขึ้นกว่าเฮือกที่แล้วไหม เราต้องถามตัวเราเอง”
“นี้เป็นการส่งทอดวัฒนธรรมสิ่งที่เรียกว่ารุ่งอรุณ ปลูกฝังเอาไว้เป็นราก แล้วงอกขึ้นมาเป็นลำต้น เป็นกิ่งก้านสาขา ออกใบออกดอก เป็นผลออกมา ผลก็คือนักเรียน ซึ่งจะไปตกที่อื่น ขอให้งอกราก อย่าให้ตกแล้วตาย ไปที่ไหนก็ไปงอกรากที่เป็นวัฒนธรรมที่แท้จริงของมนุษยชาติ งอกเจริญเติบโตเป็นต้นใหม่ที่แข็งแรงบนโลกนี้ คิดว่าพวกเราทุกคนพร้อมแล้ว นักเรียนของเราทุกคนพร้อมแล้วที่จะเป็นเช่นนั้น”
“ขอให้ทุกคนนำเอาสิ่งที่เราเข้าใจความเป็นรุ่งอรุณ ไปสืบต่อเจตนารมณ์ให้เจริญงอกงาม และนำพาให้ชีวิตของเรามีความสุข จะทำอะไรก็ประสบความสำเร็จได้อย่างดีที่สุด เป็นที่พึ่งทั้งของตนเองและเป็นที่พึ่งของคนอื่น เป็นที่รักของคนทุกๆ คนที่อยู่แวดล้อม ทำให้โลกนี้สวยงามมากขึ้นเรื่อยๆ”