สาส์นจากครูใหญ่โรงเรียนเล็ก ปีการศึกษา ๒๕๕๖
ยินดีต้อนรับท่านผู้ปกครองทุกท่านสู่ปีการศึกษาใหม่ ๒๕๕๖ ในเดือนพฤษภาคมนี้ พร้อมๆ กับเป็นสัญญานบอกว่าฤดูฝนกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว หรืออีกนัยหนึ่ง ฤดูฝนเป็นสัญญาน ของการเปิดภาคเรียนแรกเด็กๆ ทุกคนคงจะรอคอยการมาโรงเรียน ครูสังเกตจากการที่มีเด็กหลายๆ คนมาเยี่ยมๆ มองๆ ที่โรงเรียน และคุณพ่อ/คุณแม่จะเล่าให้ฟังว่าเขา “คิดถึง” โรงเรียน แม้แต่น้องใหม่อนุบาล ๑ ก็เช่นกัน เขาถามคุณแม่ว่าเมื่อไหร่จะมาโรงเรียนอีก ส่วนครูก็เตรียมการกันอย่างเต็มกำลังในการต้อนรับปีการศึกษาใหม่นี้
สิ่งที่เราคิดร่วมกันคือการหาหนทางที่ดีที่สุดในการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กสู่ศักยภาพขีดสุดของแต่ละคน แต่ละวัย ครูมักจะพูดเรื่องเดิมๆ ในการทำงานในฐานะหุ้นส่วนกับผู้ปกครองและดูแลลูกหลานไปในทางเดียวกันคือ ขอให้ลูกได้ช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลืองานบ้านตามกำลังความสามารถ ไม่ควรดูโทรทัศน์หรือเล่นเกมในสื่ออีเลคโทรนิกส์เป็นเวลานาน และควรแยกขยะที่บ้านด้วย เพียงเท่านี้ก็เป็นพื้นที่อันอุดมที่เด็กจะได้เติบโตอย่างเหมาะสมในระยะปฐมวัยแล้ว
นอกจากนั้นในระดับอนุบาลของเรามีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดการเรียนการสอนไปสู่การจัดห้องคละอายุตั้งแต่อายุ ๓ – ๖ ขวบ โดยประมาณ หรือระดับชั้นอนุบาล ๑ – ๓ นั่นเอง ซึ่งในปีนี้จะดำเนินการในห้องเรียนนำร่อง จำนวน ๓ ห้องเรียน และจะดำเนินการใน ๙ ห้องที่เหลือในปีการศึกษา ๒๕๕๗ ซึ่งรายละเอียดต่างๆ นั้น ครูจะชี้แจงเพิ่มเติมในโอกาสต่อไป
เรื่องการจัดการเรียนการสอนคละอายุเป็นแนวคิดที่เริ่มมาตั้งแต่ก่อตั้งโรงเรียน โดยคณะผู้ก่อตั้งรุ่นแรกมองในประเด็นของการศึกษาที่จะเอื้อให้เกิดภาวะการเรียนรู้ที่เป็นธรรมชาติของเด็กแต่ละคนที่มีความแตกต่างกัน เพื่อไปสู่ศักยภาพขีดสุดของแต่ละคน โดยที่ห้องคละอายุเป็นเงื่อนไขคล้ายกับสถานการณ์จริงในชีวิต เราได้เริ่มทำในระดับชั้นประถมศึกษาและทำต่อเนื่องมาถึง ๑๕ ปี และได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ความโดดเด่นของชั้นคละในระดับประถมคือนักเรียนมีความเอื้ออาทรให้กัน รับผิดชอบหน้าที่การงานและเคารพในบทบาทของพี่น้อง มีความกล้าหาญในการเผชิญปัญหาต่างๆ และมีความคิดที่ยืดหยุ่นและคล่องแคล่วและสร้างสรรค์ ส่วนในด้านทักษะและวิชาความรู้ น้องก็มีโอกาสที่จะได้ขยับเพดานของตนได้ตามความสามารถและความสนใจ ส่วนพี่ก็ได้สอนและเป็นต้นแบบในบางเรื่องทำให้มีความแม่นยำในเรื่องนั้นๆ เพิ่มขึ้น เป็นที่น่าเสียดายที่ได้ปิดตัวลงไปแม้จะได้รับความเชื่อถือจากผู้ปกครอง เนื่องจากความยากของชั้นคละระดับประถมคือมีเรื่องวิชาการเข้ามาบูรณาการอย่างเป็นรูปธรรม ประกอบกับเราพัฒนาครูให้มีทักษะในการจัดการเรียนการสอนชั้นคละไม่ทัน ซึ่งประสบการณ์นี้ในส่วนของอนุบาลได้นำมาใคร่ครวญและหาวิธีแก้ไข นอกจากนี้ เราจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับทางสถาบันอาศรมศิลป์ ซึ่งคณะอาจารย์จากหลักสูตรศึกษาศาสตร์สาขาวิชาครูปฐมวัยนำโดยอาจารย์ ดร. สุจินดา ขจรรุ่งศิลป์ได้เข้ามาทำงานร่วมกับครูอนุบาลอย่างใกล้ชิด
ผู้ปกครองบางท่านอาจติงว่าเป็นการมองในแง่ดีเพียงด้านเดียว ส่วนข้อเสียล่ะเป็นอย่างไรบ้าง ในด้านของการเรียนรู้เราอาจตอบว่าทุกเรื่องล้วนทำให้เราเติบโต ครูคิดว่าเป็นข้อควรระวังดีกว่า ว่าเรื่องทักษะของครูในการเข้าใจและส่งเสริมความหลากหลายแตกต่างของธรรมชาติการเรียนรู้และพัฒนาการของเด็ก ซึ่งเราคิดว่าถ้าเราเข้าใจการเรียนรู้ของตนเองมีใจที่ยืดหยุ่นเปิดกว้าง ฟังเป็น เรื่องนี้ก็พอมีทางพัฒนากันอยู่ และเราได้ทำเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ในระหว่างปิดภาคฤดูร้อน ครูได้เข้าอบรมพัฒนาทั้งด้าน ความรู้ ทักษะทางวิชาชีพและการพัฒนาจิตใจ หลายรายการ ดังนี้
การฝึกสติสัมปชัญญะผ่านการงาน ที่วัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม อำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ ครูได้เผชิญการงานที่ยิ่งใหญ่ ไม่คุ้นชินได้แก่การสร้างฝายกักเก็บน้ำ (ขนาดใหญ่มาก) และการงานที่อุบัติในปัจจุบันได้แก่การดับไฟป่า ทำให้เกิดความคิดที่ว่ามนุษย์มีความสามารถในการทำสิ่งที่ยากได้อย่างมีความสุข
• การอบรมเรื่องการสังเกตและจดบันทึกการเรียนรู้อย่างลุ่มลึกของเด็กที่เกิดในชีวิตประจำวันเพื่อนำมาต่อยอดการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับความสนใจ
• การปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนรุ่งอรุณและทำความเข้าใจร่วมกัน
• การจัดการเรียนการสอนแบบโครงงาน
• การอบรมเชิงปฏิบัติการ การเรียนรู้ผ่านการบูรณาการดนตรี การเคลื่อนไหว และศิลปะ โดยอาจารย์กรองทอง บุญประคอง
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเด็กๆ ผู้ปกครองและครู จะมีความสุขในการการเรียนรู้ในปีการศึกษา ๒๕๕๖ นี้ค่ะ
ครูสุนิสา ชื่นเจริญสุข
ครูใหญ่โรงเรียนเล็ก