งานเสวนา “เรียนรู้ปรากฏการณ์มวลมหาประชาชน”
วันพุธที่ ๒๙ มกราคม ๒๕๕๗ สถาบันอาศรมศิลป์ร่วมกับผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนรุ่งอรุณ จัดงานเสวนาหัวข้อ “เรียนรู้ปรากฏการณ์มวลมหาประชาชน” โดยเชิญนักคิดและนักวิชาการหลายท่านมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ให้นักเรียน ครู ผู้ปกครอง และคนที่สนใจได้ร่วมเรียนรู้ไปพร้อมกัน
ผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย ศ.ระพี สาคริก นายกสภาสถาบันอาศรมศิลป์ ดร.สมเกียรติ อ่อนวิมล ประธานกรรมการบริหาร บริษัทไทยวิทัศน์ อาจารย์อเนก นาคะบุตร ประธานผู้เชี่ยวชาญคณะกรรมการติดตามผลและประเมินผล กสทช.ด้านสิทธิและเสรีภาพประชาชนในการใช้สื่อ รศ.ประภา ภัทรนิยม อธิการบดีสถาบันอาศรมศิลป์ โดยมีอาจารย์สุรพล ธรรมร่มดี ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายประกันคุณภาพสถาบันอาศรมศิลป์ เป็นผู้ดำเนินรายการ
ศ.ระพี สาคริก ปราชญ์และครูของแผ่นดิน ฝากข้อคิดเตือนใจไว้บนเวทีเสวนาในวันนั้นว่า
“ดอกไม้ไม่ได้หอม ขยะไม่ได้เหม็น มันมีกลิ่นเท่านั้นล่ะ ความหอมความเหม็นอยู่ที่ใจเราเอง”
“อะไรที่เกิดขึ้นอย่าไปทุกข์ เมื่อไม่ทุกข์ เราจะมีสติพิจารณาเจาะไปถึงรากเหง้าได้”
ขณะที่ รศ.ประภาภัทร นิยม อธิการบดีสถาบันอาศรมศิลป์ มองว่าปรากฏการณ์ครั้งนี้เป็นโอกาสที่ทุกคนจะหันกลับมามองตัวเองว่าเราคิดและรู้สึกกับเรื่องนี้อย่างไร รู้สึกสับสน มีอารมณ์ร่วม เบื่อ รำคาญ หงุดหงิด หรือไม่เอาด้วยแล้ว แล้วตัดสินใจโดยยึดหลักธรรมาธิปไตยที่พระพรหมคุณาภรณ์ (ป. อ. ปยุตฺโต) เขียนไว้ในหนังสือชื่อ “ธรรมาธิปไตยไม่มา จึงหาประชาธิปไตยไม่เจอ”
“ธรรมาธิปไตยไม่ใช่ระบอบการปกครอง แต่เป็นภาวะภายในของบุคคลแต่ละคนที่จะใช้อำนาจการตัดสินใจบนหลัก ๓ ประการ คือ ใช้ปัญญาแยกแยะผิดถูกชั่วดีให้ชัดเจน มีความซื่อสัตย์สุจริตโดยไม่มีข้ออ้างใดๆ และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว” รศ.ประภาภัทรอธิบาย พร้อมทั้งได้ยกหลักคิดของหลวงพ่อสงบ กุสลจิตฺโต เจ้าอาวาสวัดเมตตากิตติคุณ ถึงการวางใจให้ถูกต้องท่ามกลางความขัดแย้งและการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย (แบ่งสี) ในขณะนี้ว่า
“ถ้าใครมาถามว่าอยู่ข้างสีไหน ท่านให้ตอบว่า อยู่ข้างสีดำกับสีขาวของตัวเอง ทุกคนมีทั้งสีดำและสีขาวอยู่ในตัว มีทั้งด้านดีและไม่ดีอยู่ในตัวเองเหมือนกันทั้งหมด เราไม่ได้ดีกว่าใคร ใครก็ไม่ได้ดีกว่าเรา เราไม่ได้ชั่วกว่าใคร ใครก็ไม่ได้ชั่วกว่าเรา แล้วเราจะแบ่งสีได้อย่างไร”
+ ข่าวในเว็บไซต์ mcot.net : วงเสวนาเรียนรู้ปรากฏการณ์มวลมหาประชาชนฯ…คลิกอ่าน
+ ชมภาพบรรยากาศงาน…คลิก