วันนั้นที่โรงเรียนกับนักเรียนโรงเรียนโอมิฯ
เล่าเรื่องโดย…kaze
รายงานฉบับย่อของนักเรียนรุ่งอรุณกลุ่มปิ๊ง เจ้าของนามปากกา “kaze”
เมื่อวันครู (๑๖ ม.ค.) ที่ผ่านมา ขณะที่หลายคนกำลังหลั่นล้ากับวันหยุดกลางสัปดาห์ นักเรียนม.๕ และพี่ๆ ม.๖ ส่วนหนึ่งได้มาโรงเรียนเพื่อต้อนรับและทำกิจกรรมแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมกับเพื่อนๆ นักเรียนระดับม.๕ จำนวน ๗๐คน จากโรงเรียนโอมิ บราเธอร์ฮูด เมืองชิกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทางโรงเรียนรุ่งอรุณของเราได้ส่งนักเรียนไปแลกเปลี่ยนด้วยทุกปี แ ละปีนี้ก็ถือว่าเป็นปีการศึกษาที่พิเศษหน่อย เพราะทั้งสองโรงเรียนได้มาทำกิจกรรมด้วยกันจริงๆ เป็นครั้งแรก
Kaze มาถึงโรงเรียนตอนประมาณ ๘ โมงเช้า พอมาถึงก็เห็นพี่ๆ ม.๖ มาจัดเตรียมงานกันแล้ว ทั้งยกเครื่องดนตรีโปงลาง เตรียมจอโปรเจคเตอร์ ทดสอบไมโครโฟน นอกจากนี้ยังมีคุณครูดีดีและพี่หนูดีมาช่วยเตรียมด้วย พอถึงเวลาเกือบๆ ๙ โมง นักเรียนโอมิฯ พร้อมคุณครู ๔ ท่านก็ทยอยกันเข้ามาในเรือนรับอรุณ ซึ่งเป็นสถานที่จัดงาน บางคนใส่ชุดโรงเรียน บางคนใส่ชุดยูกาตะ พร้อมกับขนอุปกรณ์ทำกิจกรรมถุงใหญ่มาด้วย งานนี้สนุกแน่ๆ ค่ะ
และแล้ว เวลาเก้าโมงเศษ ก็ได้ฤกษ์เริ่มงานกิจกรรม ซึ่งมี Kaze และพี่การ์ตูน ม.๖ เป็นพิธีกร โดยคุณครูอัจฉรา สมบูรณ์ – ครูอุ๊ ได้ขึ้นมากล่าวเปิดงานค่ะ
“ในนามตัวแทนโรงเรียนรุ่งอรุณ ครูขอกล่าวต้อนรับคณะครูและนักเรียนโรงเรียนโอมิบราเธอร์ฮูดด้วยความเต็มใจ ครูรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ทางโรงเรียนโอมิให้เกียรติมาเยี่ยมโรงเรียนรุ่งอรุณ และร่วมกันจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างนักเรียนมัธยมของทั้งสองโรงเรียนเป็นกรณีพิเศษในปีนี้
ญี่ปุ่นและไทยมีประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาสืบทอดมาเป็นระยะเวลายาวนานเช่นเดียวกัน การรู้จักตนเองเป็นเรื่องสำคัญ เพราะช่วยให้เราสามารถดำรงชีวิตอยู่ ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เราเรียนรู้เพื่อรู้จักตนเองจากการรู้เฉพาะเรื่องของตนเองไม่เพียงพอ วิธีที่เราจะรู้จักตัวเองดีขึ้น เราสามารถเรียนรู้จากการรู้จักผู้อื่นด้วย การรู้จักกัน เข้าใจกัน ช่วยสร้างมิตรภาพให้เกิดขึ้น
เป็นเวลากว่าแปดปี ที่ทั้งสองโรงเรียนให้การสนับสนุนการสร้างความเข้าใจ และความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างเยาวชนญี่ปุ่นและไทย ด้วยการจัดให้นักเรียนได้อยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ของแต่ละฝ่ายเป็นประจำทุกปี ปีละ1-2 คน เป็นระยะเวลาประมาณ ๑ เดือน ซึ่งกิจกรรมนี้ ได้สร้างความผูกพันระยะยาวให้เกิดขึ้นระหว่างเยาวชนทั้งสองประเทศ
ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรก ที่มีการพบปะกันในช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เต็มไปด้วยกิจกรรมวัฒนธรรมที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักเรียนเป็นผู้จัดเตรียมและดำเนินการด้วยตนเอง ครูจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากิจกรรมในครั้งนี้ นอกจากให้ความเข้าใจแล้ว ยังสร้างความสนุกสนานเป็นที่จดจำไม่รู้ลืมของนักเรียนทั้งสองโรงเรียน”
จากคำกล่าวของคุณครูอุ๊ เราจะเห็นได้ถึงมิตรภาพที่มีมาอย่างยาวนานของทั้งสองโรงเรียน ซึ่งทั้งสองโรงเรียนก็หวังให้ความสัมพันธ์นี้ เป็นเช่นนี้ตลอดไป จากนั้นคุณครูอันโดะ ตัวแทนคุณครูโรงเรียนโอมิฯ ได้ขึ้นมากล่าวขอบคุณที่ทางโรงเรียนได้มีการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนนี้ และให้การต้อนรับเป็นอย่างดี จากนั้นพี่ธันวาและพี่หนูดีได้เป็นตัวแทนนักเรียนโรงเรียนรุ่งอรุณกล่าวถึงความรู้สึกที่มีต่อโครงการแลกเปลี่ยนในฐานะอดีตนักเรียนในโครงการแลกเปลี่ยนระหว่างโรงเรียน ซึ่งก็มีนักเรียนและคุณครูที่จำพี่ๆ ทั้งสองได้ด้วย จากนั้นนักเรียนโรงเรียนโอมิก็ขึ้นมาบอกเล่าความรู้สึกเช่นกัน
จากนั้น ทางโรงเรียนรุ่งอรุณได้เริ่มนำเสนอก่อน โดยการเปิดวิดิทัศน์แนะนำโรงเรียนและของขึ้นชื่อประเทศไทย ซึ่งถึงแม้จะมีเวลาน้อยและมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี ต่อมาเป็นการแสดงดนตรีโปงลาง ซึ่งมีนักดนตรีโปงลางทั้ง ม.๕ และ ม.๖ รวมไปถึงครูโต้งมาบรรเลงเพลงโปงลางอย่างสนุกสนาน พร้อมกลุ่มพี่วิว พี่แตงโม และพี่ฝ้าย ขึ้นมาเซิ้งให้ชมสร้างความสนุกสนานให้คนทั้งห้องได้เป็นอย่างดี
หลังจากที่นักเรียนโรงเรียนรุ่งอรุณได้นำเสนอไปแล้ว ก็ถึงคราวของนักเรียนโรงเรียนโอมิบ้าง ซึ่งมีทั้งการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับโรงเรียนในประเทศญี่ปุ่น สาธิตการชงชา และแสดงละครเกี่ยวกับตำนานทะเลสาบเมืองชิกะให้ชม (มีคนใส่ชุด เหมือคุณกินเรื่องกินทามะด้วย) แม้จะมีบางคนที่ดูขี้อายบ้าง(ถึงขั้นมือสั่นเวลาถือบท) แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีการเตรียมตัวมาอย่างดีมาก ทั้งอุปกรณ์ การนำเสนอ และการเล่นกับผู้ชม ทำให้การนำเสนอสนุกสนานไม่แพ้กันเลยค่ะ
เมื่อเสียงปรบมือซาลงแล้ว ก็ถึงเวลาทำกิจกรรมวัฒนธรรมญี่ปุ่น ซึ่งจะมีทั้งหมด ๓ ฐานเวียนกันฐานละประมาณครึ่งชั่วโมง ได้แก่ ฐานพับกระดาษโอริกามิและทำของเล่น ฐานการละเล่น และฐานชงชาและใส่ชุดยูกาตะ
สำหรับฐานพับกระดาษและทำของเล่น ก็ได้พับนกกระเรียนกัน แต่เป็นแบบญี่ปุ่น ที่พับยากกว่าแบบไทยนิดนึง แต่พับออกมาได้สวยมากค่ะ สำหรับของเล่นก็จะเป็นกล้องส่องที่เมื่อส่องแล้วจะเห็นเป็นลวดลายละลานตา
ฐานการละเล่นจะเป็นเกมที่เหมือนกันกับบ้านเราคือ ให้คนหนึ่งเป็นซามูไร และผู้เล่นที่เหลือเป็นนินจา (ต้องถือดาบไว้ด้วย) แล้วซามูไรจะท่อง “Omae ha dareda” (“เจ้าเป็นใคร”) แล้วหันกลับมา ระหว่างที่ท่อง พวกนินจาจะต้องวิ่งเข้าไปแปะซามูไรให้ได้ หากซามูไรหันมาแล้วนินจาจะต้องหยุด หากใครขยับก็ออกจากเกมไป ท่องหลายครั้งจนกว่าจะมีนินจาเอาดาบฟันซามูไรได้ ซามูไรจะนับ ๑ ถึง ๕ ให้พวกนินจาวิ่งถอยกลับไป ครบห้าแล้วจะบอกให้หยุด แล้วจะกระโดดเจ๗ ก้าวเข้าไปหาพวกนินจา ใกล้ใครก็แปะคนนั้นให้เป็นซามูไรต่อไป ด้วยความที่พื้นเรือนรับอรุณลื่นเลยมีนินจาสไลด์หนีไปได้ไกลหน่อย ก็ลำบากซามูไรนิดนึงค่ะ
ฐานชงชาก็สนุกไม่แพ้กันค่ะ ก็จะมีถ้วยชามาให้ แล้วตักผงชาใส่ลงไปสองช้อนไม้ไผ่ เทน้ำร้อนตามลงไป แล้วใช้ที่ชงคนชาเร็วๆ (อารมณ์เหมือนเจียวไข่เจียวบ้านเรา) พอเข้ากัน เริ่มด้วยการกินขนมหวานก่อน แล้วยกถ้วยชามาประคองไว้ อีกมือหนึ่งหมุนถ้วยชา ๒ ครั้ง ครั้งละประมาณ ๙๐ องศา จึงจะซดได้ ซึ่งขอบอกว่าชาหอมมากๆ ค่ะ เสร็จแล้วก็ใช้นิ้วปาดถ้วยชาตรงที่โดนปากเรานิดนึง จากนั้นหมุนถ้วยชา ๒ ครั้งเหมือนเดิม เป็นอันเสร็จ ซึ่งในพิธีจริงๆ ทุกคนจะสำรวมและเงียบขรึมมาก ไม่มีการแสดงท่าทีที่ไม่จำเป็นออกมา พิธีชงชาจึงถือเป็นศิลปะในการดำเนินชีวิตตามแบบแผนวัฒนธรรมญี่ปุ่นอย่างหนึ่งค่ะ
เสร็จชงชาก็แวบไปใส่ชุดยูกาตะกับพี่การ์ตูน แล้วมาทำหน้าที่พิธีกรต่อทั้งชุดยูกาตะนั่นเลย (เพิ่มบรรยากาศอีกนิด) ก่อนที่จะทานข้าวกลางวันกัน ก็มีการถ่ายรูปรวม โดยให้นักเรียนที่ใส่ชุดยูกาตะมานั่งข้างหน้า ก็เลยไปเนียนกับเด็กญี่ปุ่นเขาซะเลย
ข้าวกลางวันเป็นข้าวกับผัดเปรี้ยวหวาน ผัดไท และต้มข่าไก่ ของหวานเป็นมังคุดและซ่าหริ่ม นักเรียนทั้งสองโรงเรียนก็นั่งทานข้าวด้วยกันอย่างเป็นกันเอง ซึ่งจะมีคำชมว่า”อร่อย”จากนักเรียนญี่ปุ่นอยู่ตลอดเวลา เมื่อกินข้าวเสร็จก็ถึงเวลาของหวาน ซึ่งมังคุดเป็นที่ชื่นชอบในบรรดาเด็กญี่ปุ่นมาก เพราะทั้งแปลกใหม่ แกะสนุกและมีรสชาติอร่อย ก็เลยมีเด็กญี่ปุ่นไปหยิบมังคุดมาแกะกินกันใหญ่ ยิ่งพอเขารู้ว่าเปลือกทำสบู่ได้ก็ยิ่งชอบกันยิ่งขึ้น
อิ่มแล้ว ก็เป็นกิจกรรมช่วงบ่าย ซึ่งเป็นกิจกรรมวัฒนธรรมไทย ทั้งรำไทย มวยไทย การละเล่นไทย อาหารไทย ขนมไทย ภาษาไทย และสานปลาตะเพียน แต่ละฐานก็มีกลุ่มพี่ ม.๖ ประจำอยู่ ซึ่งเมื่อกลับมารวมกันอีกครั้งตอนบ่ายสองโมงกว่า ทุกคนก็บอกว่ากิจกรรมสนุกมาก ระหว่างรอให้ทุกกลุ่มกลับมา ก็มีการโชว์ผลงานให้ดู กลุ่มปลาตะเพียนก็มีปลาตะเพียนที่สานไว้มากมาย กลุ่มภาษาไทยก็นับหนึ่งถึงสิบเป็นภาษาไทยให้ฟัง กลุ่มทำอาหารไม่มีเพราะกินกันไปหมดแล้ว กลุ่มขนมหวานมีบัวลอยมาให้ทั้งนักเรียนและคุณครูชิมกัน (ได้ยินมาว่าอร่อยมาก) กลุ่มมวยไทยก็มีพี่นาย ม.๖และนักเรียนโอมิฯ คนหนึ่งขึ้นมาสาธิตให้ดูสองสามท่า ก่อนสาธิตแต่ละท่าก็มีการเตรียมกันไว้ก่อนด้วย
เมื่อทุกคนครบแล้วก็ถึงเวลาปิดงาน โดยคุณครูอุ๊ ได้ขึ้นมากล่าวถึงงานกิจกรรมที่จัดขึ้นในครั้งนี้และอวยพรให้คณะคุณครูและนักเรียนโรงเรียนโอมิฯ เดินทางโดยสวัสดิภาพ จากนั้นคุณครูอันโดะก็ได้ขึ้นมาบอกเล่าความประทับใจและขอบคุณทางโรงเรียนที่จัดกิจกรรมดีๆ นี้ขึ้นมา จากนั้นก็เป็นนักเรียนโรงเรียนรุ่งอรุณ คือ ฟ้าใส ม.๕ และนักเรียนโอมิฯ ๒ คนขึ้นมาบอกเล่าความประทับใจในวันนี้ นับได้ว่ากิจกรรมในวันนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่งค่ะ
หลังจากทางทั้งสองโรงเรียนให้ของขวัญที่ระลึกแก่กันและกันแล้ว ก็ถึงเวลาถ่ายรูปที่ระลึก ทั้งเรือนรับอรุณมีเสียงพูดคุยกันเซ็งแซ่ ทั้งชวนกันถ่ายรูป ให้เมลล์และไลน์ไว้ติดต่อกัน ระหว่างนั้นมีการเต้นฮิปโปด้วยกันโดยมีพี่นายเป็นมือกลอง และมีนักเรียนโรงเรียนโอมิมาร่วมเต้นด้วย (เพลงฮิปโปโกอินเตอร์ก็งานนี้แหละค่ะ) จากนั้น ทุกคนก็เดินไปส่งคณะคุณครูและนักเรียนโรงเรียนโอมิฯ ที่รถ ระหว่างเดินก็มีเสียงพูดคุยกันไม่ขาดถึงความประทับใจและคำบ่นว่า “ไม่อยากกลับเลย” จากนักเรียนญี่ปุ่น เมื่อรถออก ทั้งสองโรงเรียนก็โบกมือลากัน ในขณะที่นักเรียนโรงเรียนเราก็เต้นฮิปโปส่งท้าย
รถบัสของคณะโรงเรียนโอมิลับตาหายไปแล้ว แต่ความประทับใจและมิตรภาพในวันนั้น ถือเป็นของขวัญที่ยังคงอยู่กับทั้งสองโรงเรียนไปอีกนานค่ะ