กิจกรรมวันมาฆบูชา

เนื่องในโอกาสวันมาฆบูชา วันสำคัญทางพุทธศาสนาที่ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ โรงเรียนรุ่งอรุณและสถาบันอาศรมศิลป์ ร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ตลอดจนเพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนา และฉลอง ๒๖๐๐ ปีแห่งการทรงแสดงโอวาทปาติโมกข์ของพระพุทธเจ้า ดังนี้

วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์  จำนวน ๙ รูป  ณ  ระเบียงชั้น ๒ เรือนรับอรุณ จากนั้นนักเรียน ครู และผู้ปกครอง ร่วมกันทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระสงฆ์ พร้อมรับฟังสัมโมทนียกถา รับพร และรับการประพรมน้ำพระพุทธมนต์ บริเวณสนามฟุตบอลและสนามบาสเกตบอล โรงเรียนรุ่งอรุณ

วันอาทิตย์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ โรงเรียนรุ่งอรุณร่วมกับสมาคมสภาองค์กรพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย โรงเรียนสยามสามไตร โรงเรียนทอสี และโรงเรียนปัญญาประทีป จัดงาน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ประกอบด้วย การร่วมสวดมนต์ในช่วงเช้าเพื่อถวายเป็นพระกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การเสวนาในหัวข้อ “การศึกษาวิถีพุทธ : เด็กผู้มีธรรมะย่อมอยู่เหนือชั้นในอาเซียน” และ “หลักชาวพุทธ : หลักการและปฏิบัติการ เพื่อเป็นชาวพุทธสมแก่นาม” การแสดงดนตรีไทยจากโรงเรียนสยามสามไตรในเพลงโหมโรงจอมสุรางค์ ชมแสงจันทร์ ดาวดำเนินดอย และแสนคำนึง การแสดงดนตรีบันดาลใจของนักเรียนชั้น ม.๒ รุ่งอรุณ ที่ร่วมกันร้องและเล่นดนตรีอย่างมีความสุขในหลากหลายบทเพลง อาทิ เพลงเปิดฉากละคร เพลงศรัทธา เพลงรางวัลแด่คนช่างฝัน เพลงเพื่อมวลชน และเพลงสายลม เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจในการทำความดีผ่านเสียงเพลงและเสียงดนตรี

ความรู้สึกหลังการแสดงดนตรีบันดาลใจ
สัมภาษณ์โดย…น.ส.เฌอปราง อารีย์กุล ม.๕/๒, น.ส.ชนิกานต์ เผ่าไพสิฐศรีอนันต์ ม.๕/๑

ด.ญ.บุญนารี ลาภบุญทรัพย์-รู้สึกดีที่ได้ทำอะไรดีๆ กับเพื่อนต่างห้อง และรู้สึกภูมิใจที่ได้ทำกิจกรรมดีๆ แบบนี้ และที่โรงเรียนมอบโอกาสให้ได้ทำ อีกอย่างตอนซ้อมมีความสุขและสนุกมาก

ด.ช.ธัญ ศิริเจริญสถาพร-รู้สึกดีที่ได้ร่วมเล่นดนตรี และร้องเพลงไปกับเพื่อน

ด.ญ.มินณิตา สันติชัยอนันต์-รู้สึกเบื่อมากๆ ในตอนแรกๆ แต่ไปๆ มาๆ ก็สนุกดีที่ได้ร้องเพลงกับเพื่อน ได้ฝึกความสามัคคีกันในหมู่เพื่อนด้วยกัน

ด.ญ.ภูนิศา วงศ์สุวรรณศิริ-เหนื่อยค่ะ แต่รู้สึกดีใจที่ได้ร้องเพลงดีๆ และเป็นการเปลี่ยนแนวทางเกี่ยวกับเพลงให้กับตัวเราเองด้วยค่ะ

คุณครูศิริพร รัตนพาณิชย์-ต้องบอกก่อนค่ะว่าเพลงเป็นสื่อที่เข้าถึงคนได้ง่าย การที่น้องๆ เขาได้มาร้องเพลงก็เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ร้องเพื่อให้คนเกิดแรงบันดาลใจ โดยเฉพาะเพลงท้ายๆ ที่เราสามารถดึงคนให้เข้ามาฟังได้ ครูรู้สึกภูมิใจนะที่ได้เห็นเขาเต็มที่ แม้ว่าเขาจะได้ซ้อมน้อย แต่น้องๆ เขาสามารถทำได้ดีจริงๆ

จากนั้นเป็นการเสวนาในหัวข้อ “การน้อมนำโอวาทปาติโมกข์มาปฏิบัติเป็นวิถีชีวิตในโรงเรียนวิถีพุทธ” ดำเนินรายการโดย พระมหาพงศ์นรินทร์ ฐิตวํโส และมีศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันของรุ่งอรุณร่วมในเวทีเสวนานี้ด้วย ได้แก่ นายศุภศิริ สิริโยธิน (เบน) ศิษย์เก่ารุ่งอรุณ และ ด.ช.สิทธิเดช เดชคำรณ (อั่งเปา) นักเรียนชั้น ป.๖ รุ่งอรุณ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการศึกษาวิถีพุทธให้เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายต่อไป

“โรงเรียนวิถีพุทธสอนให้เราดูแลตัวเองเป็น และมีหลักประกันในชีวิต” ด.ช.สิทธิเดช เดชคำรณ (อั่งเปา)

“การเรียนรู้ที่รุ่งอรุณสอนให้เราดีกับเรื่องทุกเรื่องได้ เป็นการเรียนเพื่อให้เราสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้เป็น สามารถตั้งโจทย์เรียนรู้ได้เอง รู้ว่ามนุษย์เกิดมาเพื่อเรียนรู้และพัฒนา ทำให้ผมสามารถเรียนรู้ได้กับทุกสิ่ง และมีความสุขกับการเรียนรู้ในทุกสิ่ง” นายศุภศิริ สิริโยธิน (เบน)

“ผมเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีเมล็ดพันธุ์ความดีอยู่ในตัว (เรื่องปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคม) ผมว่าเราต้องมาคุยกันว่าความเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ของเราหายไปไหนหมด เราจะอยู่แค่ “กิน กาม เกียรติ” อย่างนั้นหรือ แล้วเมล็ดพันธุ์ความดีนั้นหายไปไหน” นายศุภศิริ สิริโยธิน (เบน)

 

…ผลงานการเรียนรู้ในวิชาพระพุทธศาสนาของนักเรียนชั้น ม.๕ โรงเรียนรุ่งอรุณ ที่ได้จากงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาเนื่องในวันมาฆบูชา ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง  

โครงการแท็กซี่คุณธรรม วัดสังฆทาน
โดย…ปาพร เลิศธนสาร ม.๕/๒

โครงการนี้เป็นโครงการของวัดสังฆทาน อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ริเริ่มโดยหลวงพ่อสนอง โดยมีความคิดจากที่เห็นคนขับแท็กซี่มาเข้าวัดสังฆทานบ่อยๆ หลวงพ่อสนองจึงคิดริเริ่มที่จะจัดโครงการแท็กซี่คุณธรรมขึ้นโดยเป็นการอบรมคนขับแท็กซี่ เพื่อให้ผู้คนเหล่านี้มีศีลธรรม หยุดอบายมุข และที่สำคัญคือ ลดพฤติกรรมของแท็กซี่ที่คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยชอบ เช่น การทอนเงินไม่ครบ ไม่รับผู้โดยสาร เลือกผู้โดยสาร และสารพัดข้ออ้างอีกมากมาย เป็นสาเหตุทำให้หลายๆ คนไม่พอใจในการบริการของแท็กซี่ แต่เนื่องจากในชีวิตประจำวัน หลายๆ คนหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยรายละเอียดโครงการจะเป็นการจัดอบรมคนขับแท็กซี่ในรูปแบบของการปฏิบัติธรรมทุกๆ เดือน โดยโครงการนี้เป็นสิ่งที่น่าชื่นชม เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาที่มีผลต่อคนจำนวนมาก และเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ยากหากจะแก้ด้วยกฎหมายในประเทศไทย

………. 

“โครงการหลักชาวพุทธ”
โดย…นายกฤตณัฐ พจนาเกษม ม.๕/๑, น.ส.ณัฏฐา เมฆะวิภาต ม.๕/๑, น.ส.อรพิช หลิว ม.๕/๑

คำว่า “ชาวพุทธ” มิใช่เป็นถ้อยคำที่พึงเรียกขานกันอย่างเลื่อนลอย บุคคลที่จะเรียกได้ว่าเป็น “ชาวพุทธ” จะต้องมีหลักการ มีคุณสมบัติประจำตัว และมีมาตรฐานความประพฤติ ที่รับรองยืนยันและแสดงออกถึงความเป็นชาวพุทธ

          หลักการ

          ๑.ฝึกแล้วคือเลิศมนุษย์ ข้าฯ มั่นใจว่ามนุษย์จะประเสริฐเลิศสุด แม้กระทั่งเป็นพุทธะได้ เพราะฝึกตนด้วยสิกขา คือ การศึกษา

          ๒.ใฝ่พุทธคุณเป็นสรณะ ข้าฯ จะฝึกตนให้มีปัญญา มีความบริสุทธิ์และมีเมตตากรุณา ตามอย่างองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

          ๓.ถือธรรมะเป็นใหญ่ ข้าฯ ถือธรรม คือความจริง ความถูกต้องดีงาม เป็นใหญ่ เป็นเกณฑ์ตัดสิน

          ๔.สร้างสังคมให้เยี่ยงสังฆะ ข้าฯ จะสร้างสังคมตั้งแต่ในบ้านให้มีสามัคคี เป็นที่มาเกื้อกูลร่วมกันสร้างสรรค์

          ๕.สำเร็จด้วยกระทำกรรมดี ข้าฯ จะสร้างความสำเร็จด้วยการกระทำที่ดีงามของตน

          ปฏิบัติการ

          ๑.มีศีลวัตรประจำตน บูชาบูชนีย์ มีศีลห่างอบาย สาธยายพุทธมนต์ ฝึกฝนจิตด้วยภาวนา

          ๒.เจริญกุศลเนืองนิตย์ ทำกิจวัตรวันพระ พร้อมสละแบ่งปัน หมั่นทำคุณประโยชน์ ได้ปราโมทย์ด้วยไปวัด

          ๓.ทำชีวิตให้งามประณีต กินอยู่พอดี มีชีวิตงดงาม ไม่ตามใจจนหลง มีองค์พระครองใจ

หลักการและปฏิบัติการที่เรียกว่า “หลักชาวพุทธ” นี้ เป็นภูมิธรรมขั้นพื้นฐานของชาวพุทธ ผู้ที่ตั้งมั่นอยู่ในหลักการ ดำเนินตามปฏิบัติการนี้ นอกจากเป็นชาวพุทธสมแก่นามแล้ว จะมีชีวิตที่พัฒนาก้าวหน้างอกงาม และช่วยให้สังคมเจริญมั่นคงดำรงอยู่ในสันติสุข เป็นผู้สืบต่อวิถีชาวพุทธไว้ พร้อมทั้งรักษาธรรมและความเกษมศานต์ให้แก่โลก
……….

เยี่ยมชมซุ้มการฝึกอบรมมารยาทไทยในศาสนพิธี
โดย…น.ส.โชติมิญช อุรานุกูล ม.๕/๑, น.ส.ศุภนิดา มหาวงศ์วิริยะ ม.๕/๑, น.ส.จารุพรรณ วิศัลย์ศยาพงศ์ม.๕/๑

ข้าพเจ้าได้เดินทางมาที่สนามหลวง งานสัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา เนื่องในเทศกาลมาฆบูชา ประจำปี ๒๕๕๖ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ ๒๑-๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ได้เข้าสำรวจงานและเยี่ยมชมซุ้มต่างๆ ซึ่งมีซุ้มหนึ่งที่ข้าพเจ้าได้เลือกมากล่าวในบทความนี้ คือ ซุ้มการฝึกอบรมมารยาทไทยในศาสนพิธีของกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม โดยมีคุณวีระ จำลอง เป็นผู้ให้ข้อมูลของซุ้มนี้ คุณวีระอธิบายว่า ซุ้มนี้มีสองส่วน ส่วนที่ ๑ คือ ส่วนจัดแสดงพระบรมสารีริกธาตุที่สมเด็จพระสังฆราชได้ประทานให้เมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา แก่วัดเขตและอำเภอต่างๆ ทั่วประเทศกว่า ๙๒๘ แห่ง ส่วนที่ ๒ คือ ส่วนที่ข้าพเจ้าค่อนข้างสนใจเป็นพิเศษ นั่นก็คือส่วนฝึกอบรมการกราบ การไหว้ ซึ่งคุณวีระได้กล่าวว่า ถือเป็นมรดกของชาติที่ลูกหลานเยาวชนสมัยใหม่ควรทำให้ถูกต้อง ส่วนนี้จะช่วยเติมเต็มแบบแผนที่ถูกต้องให้แก่ผู้สนใจได้ปฏิบัติอย่างถูกต้องมากขึ้น โดยมีวิทยากรจากกรมการศาสนาเป็นผู้สอน

นับเป็นกิจกรรมที่ดีมากที่จะช่วยส่งเสริมมรดกของชาติให้ดำรงความดีงามและเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติไทยของเราสืบไปค่ะ