sanprathom028-06
การเรียนรู้แบบรุ่งอรุณ,  บันทึกรุ่งอรุณ,  โรงเรียนประถม,  โรงเรียนรุ่งอรุณ

คณิตแนวใหม่ในรั้วรุ่งอรุณ

เล่าเรื่องโดย… พ่อหมี

sanprathom028-06การปฐมนิเทศในระดับประถมศึกษาปีที่ ๑-๖  ในภาคเรียนที่ ๓  ปีการศึกษา  ๒๕๕๕ นี้  ทางโรงเรียนได้เปิดชั้นเรียนคณิตศาสตร์แนว Open  Approach  โดยจำลองชั้นเรียนมาให้ผู้ปกครองสังเกตการเรียนการสอนที่ห้องประชุมเรือนรับอรุณตอนที่ผมได้รับจดหมายมาอ่านนั้น  ความรู้แรกเลยคือ  ดีใจครับที่จะได้ช

การเรียนการสอนคณิตศาสตร์แนว Open  Approach  ซึ่งเป็นแนวใหม่  ผมได้ยินมา ๒-๓ ปีแล้ว  แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่ามันคือการสอนแบบไหนกันแน่  แต่รู้คร่าวๆ ว่าเป็นการสอนแบบเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ร่วมกันแก้ปัญหาคณิตศาสตร์  มีอิสระความคิดในการคิดวิธีแก้ปัญหาโจทย์  วิธีคิดของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกัน  แต่ผลลัพธ์หรือวัตถุประสงค์ที่จะได้รับเหมือนกัน  ผมทราบเท่านี้แหละครับ

ย้อนไปในวัยเด็ก…หลายท่านคงเคยได้ผ่านประสบการณ์การเรียนในวัยเด็กเหมือนผมคือ คุณครูถามคำถาม  แต่ไม่มีใครกล้ายกมือตอบ บรรยากาศที่น่าสะพรึงกลัว หวาดกลัวเหลือเกิน  กลัวครูจะชี้หน้าถาม  ทำไมถึงไม่มีใครกล้ายกมือตอบล่ะครับ  ทั้งๆ ที่ครูก็ให้โอกาส???  ก็ผมเห็นเพื่อนผมยกมือตอบคำถาม  พอตอบผิด  เพื่อนๆ หัวเราะ  แทนที่ครูจะบอกกล่าวเพื่อนว่า  อย่าหัวเราะเยาะเพื่อน  คุณครูกลับหัวเราะซ้ำเติมเพื่อนผม  แล้วพูดว่า “เธอเอาสมองส่วนไหนคิดเนี่ย?”

ผมถามจริงๆ เถอะว่า  ถ้าเป็นคำถามต่อไปจากคุณครู  จะมีใครกล้าเสี่ยงโดนเพื่อนหัวเราะหรือครูถากถางหรือไม่ครับ  ถ้ากล้า…ผมถือว่าคุณแกร่งมากๆ !!!!!   คุณเคยหรือไม่ที่เจอประสบการณ์แบบนี้ตอนจบคาบเรียนในชั้นเรียน

sanprathom028-07“มีใครสงสัยอะไรบ้างมั๊ย?” คุณครู

“ผมไม่ทราบว่าจำนวน  50  มันมาจากไหนครับ?”  นักเรียนคนหนึ่ง

“นี่เมื่อตะกี้นี้ เธอไม่ได้ฟังที่คุณครูพูดเลยใช่มั้ย?!?”  คุณครู

คราวนี้ยาวเลยล่ะครับ…กลายเป็นความผิดที่ถามครู  แบบนี้ครั้งหน้าใครจะกล้าถาม  ถ้าเป็นผม  ผมก็เงียบทำหน้าซื่อๆ เหมือนเข้าใจ  แต่จริงๆ ในสมองกลวงเป็นโพรงไม้ผุๆ ไม่เข้าใจอะไรเลย  เวลาเข้าเรียนครั้งหน้าก็จะพยายามนั่งหลังห้อง  เผื่อว่าไกลมือครูจะเอื้อมมาชี้ถึง   หรือครูอาจจะสายตาไม่ดี  จะได้เรียกแต่คนนั่งหน้าที่เห็นชัดๆ แทน !!!!   ไม่น่าเชื่อว่า  ผมเรียนจากระดับประถมจนถึงชั้นปริญญาตรี…ผมก็ไม่เคยยกมือออกแสดงความเห็นหรือตอบคำถาม  นั่นเป็นเพราะว่า  ผมกลัวตอบผิด  กลัวคนหัวเราะเยาะ

ตราบวันนั้นจนถึงวันนี้  วันที่ ๒๖  พฤศจิกายน  พ.ศ.๒๕๕๕  (ขอจารึกไว้เป็นช่วงเวลาที่ดี  ฮ่าๆ )  คือวันที่ผมได้เห็นชั้นเรียนบรรยากาศในฝัน  สวรรค์ในการเรียนที่ผมอยากสัมผัส  บอกตรงๆ ว่าผมแอบอิจฉาลูก  อันที่จริงผมอิจฉาเขาตั้งแต่ลูกสาวคนโตได้มาเรียนที่โรงเรียนรุ่งอรุณเมื่อ ๕ ปีที่แล้ว

sanprathom028-10sanprathom028-12วันแรกของการเปิดชั้นเรียนคณิตศาสตร์เป็นของระดับ ป.๑  ซึ่งเป็นชั้นเรียนของลูกชายคนเล็กของผมเอง  ตอนเริ่มชั้นเรียนนั้น  บรรยากาศเป็นกันเองมาก  ผมสังเกตจากเด็กนักเรียนมีความกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้  เวลาคุณครูตั้งคำถามขึ้นมา  ก็จะเปิดโอกาสให้เด็กได้ยกมือตอบคำถามกัน  ผมเห็นเด็กหลายคนยกมือแย่งตอบกันใหญ่ (เห็นคุณครูบอกว่าปกติยกมือมากกว่านี้อีก แต่อาจจะเป็นเพราะเขินอายผู้ปกครองที่มานั่งชม) ในใจผมคิดขึ้นมาทันที “ว้าว…นี่เป็นห้องเรียนในฝันผมเลย” ผมอยากเห็นนักเรียนแย่งตอบคำถามกันแบบนี้ ผมอยากได้บรรยากาศแบบนี้สมัยผมเด็กๆ ผมอยากเป็นเด็กคนนั้นที่ยกมือตอบ  ถึงแม้จะผิด  คุณครูก็ไม่หัวเราะ  และถ้าเกิดผมไม่รู้  คุณครูก็จะพยายามหาวิธีอธิบายให้เข้าใจด้วยท่าทีที่เป็นกัลยาณมิตร

ไม่ใช่ว่าเด็กทุกคนจะยกมือตอบนะครับ  เด็กบางคนก็เขินอายที่จะตอบ  ซึ่งลูกผมทั้งสองคนก็อยู่ในกลุ่มนี้  แต่ผมสังเกตคุณครูผู้สอนครับว่า  จะพยายามเปิดโอกาสให้เด็กที่ไม่ได้ยกมือได้ตอบคำถามบ้าง  บางครั้งก็อาจจะเรียกชื่อเพื่อให้แสดงความคิดเห็น  ช่วยกันค้นหาคำตอบ  คำตอบไหนที่ผิด  คุณครูก็จะไม่ใช้คำพูดที่ทำให้สูญเสียความมั่นใจลงไปอีก  ซึ่งจุดนี้ผมให้ความสำคัญมากๆ ครับ  เพราะผมไม่อยากให้เกิดสภาวะ  “เด็กท้ายห้องที่ถูกหลงลืม”

คณิตสาสตร์แนว Open  Approach  นั้น  คำถามหรือโจทย์ที่ถูกตั้งขึ้นมา  ผลลัพธ์อาจจะเป็นคำตอบเดียวกัน  แต่วิธีการคิดสามารถเกิดขึ้นได้หลายวิธี  ซึ่งจุดนี้เองที่คุณครูพยายามระดมความคิดจากเด็กนักเรียนว่า ใครมีวิธีคิดแบบไหนบ้าง?  ถ้าเป็นสมัยผมเรียนนะเหรอ?  ครูไม่ถามหรอกครับ  ขึ้นกระดานสอนไปเลย บอกวิธีลัดไปเลย

ผมขอชื่นชมคณะคุณครูที่เห็นความสำคัญของคณิตศาสตร์แนว  Open-Approach 

มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนเทน้ำร้อนเพื่อชงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพื่อรับประทานแล้วก็อิ่มไปวันๆ 

แต่คณะครูต้องทำงานอย่างหนัก  มีการระดมความคิดเพื่อจัดหารูปแบบการเรียนการสอนเพื่อให้เข้าสู่เป้าหมาย

ผมเห็นสื่อการสอนบนกระดานมีมากมายเหลือเกินครับ  


“เธอต้องคำนวณแบบนี้นะ ใช้สูตรนี้นะ เจอตัวเลขนี้…ให้ปัดเศษไปเลย  คิดได้เร็วสุดๆ เลยนะ  เคล็ดลับนี้คุณครูไม่เคยบอกใครนะ  รับรองว่าเธอคิดได้เร็วยังกับจรวด” เอ่อออ…แต่อย่ามาถามผมเรื่องความเข้าใจหรือกระบวนการคิดนะ…ผมไม่รู้

ในชั้นเรียนจำลองแนว open  Approach  ทำให้ผมเห็นศักยภาพของเด็ก  ซึ่งบางคนผมเห็นเขาตั้งแต่อนุบาล ๑  จนถึง ป.๑  ผมคิดว่าเขาเป็นเด็กขี้อายมากนะครับ  แต่ภาพที่เห็นในวันนั้น  ผมกลับเห็นเขายกมือตอบตลอดเวลา  ร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างไม่เขินอาย  เป็นภาพที่น่าประทับใจจริงๆ

sanprathom028-02หลังจากที่ชมภาพความประทับใจในระดับ ป.๑ ได้เห็นวิธีการสอนของคุณครูที่ทำให้ห้องเรียนสนุกสนาน  มีชีวิตชีวา  ผมจึงอยากเรียนรู้เพิ่มเติมว่า  ผมสามารถนำไปสอนลูกตนเองได้หรือไม่  โดยใช้แนวคิด Open  Approach?  ถ้าเป็นการสอนแบบเดิมๆ ตามที่ผมเคยเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก  ต้องยอมรับว่า  มันเป็นวิธีคิดเลขที่เร็วมาก  ได้คำตอบสำาเร็จรูปแบบฉับไว  แต่…เด็กจะไม่เข้าใจกระบวนการอะไรเลย  ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมไม่กล้าสอนคณิตศาสตร์ให้ลูกมาตลอด  เพราะเกรงว่าจะไปขัดแย้งกับแนว Open Approach และเพื่อเป็นการเพิ่มเติมความรู้ ผมจึงขออนุญาตคุณครูขอชมชั้นเรียนคณิตศาสตร์ในระดับชั้น ป.๒ ต่อในวันรุ่งขึ้น  และหลังจากเข้าชมชั้นเรียนลูกสาวที่อยู่ในระดับชั้น ป.๓  ผมก็ได้รับความกรุณาจากครูจิ๋วให้เข้าชมในทุกระดับจนถึงชั้น ป.๖

ไม่ผิดหวังครับ  ผมได้เรียนรู้วิธีการสอนของครูแต่ละคนว่าใช้เทคนิคอะไรในการที่จะระดมความคิดจากนักเรียน  การสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อให้เชื่อมโยงระหว่างปัญหาและวิธีการแก้ไขนั้นมีส่วนสำคัญทีเดียว  คำพูดของคุณครูก็มีส่วนสำคัญมากในการต่อยอดความคิดของนักเรียน  ท่าทีความเป็นกัลยาณมิตรของคุณครูมีส่วนอย่างมากที่ทำให้เด็กเปิดใจรับรู้และกล้าแสดงความคิดเห็น  คุณครูพยายามให้นักเรียนได้สร้างกระบวนความคิดที่หลากหลาย  เพื่อนำพาถึงเป้าหมาย  ถึงแม้คุณครูอยากจะบอกใจจะขาดว่ามันคืออะไร  แต่ก็ต้องอดทนเพื่อรอคำตอบที่ซึ่งได้มาจากคำพูดของนักเรียนเอง  คุณครูบางท่านบอกว่า “น้ำตาแทบไหลในยามที่นักเรียนได้คำๆ นั้นมาด้วยตัวนักเรียนเอง”

ส่วนนักเรียนคนไหนที่ยังไม่เข้าใจ  คุณครูก็จะหาเวลามาอธิบายเพิ่มเติม  เพื่อนำพาไปสู่เป้าหมายพร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆ

sanprathom028-03มาถึงตรงนี้  ผมเข้าใจแล้วล่ะครับว่า  ทำไมโรงเรียนถึงบอกว่าไม่ต้องพาลูกๆ ไปเรียนพิเศษ  ก็เพราะกระบวนการเรียนการสอนแตกต่างกันนี่เอง  ระบบ Open  Approach  ดูเหมือนช้าแต่ผมคิดว่ามั่นคงนะครับ และเหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่ผมไม่พาลูกไปเรียนพิเศษก็เพราะว่า  กลัวลูกผมไม่ตั้งใจเรียนในเวลาเรียน  เพราะคิดว่าตัวเองรู้วิธีลัดแล้ว  ไม่จำเป็นต้องสนใจในชั้นเรียนก็ได้

ผมขอชื่นชมคณะคุณครูที่เห็นความสำคัญของคณิตศาสตร์แนว  Open-  Approach  มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เหมือนเทน้ำร้อนเพื่อชงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเพื่อรับประทานแล้วก็อิ่มไปวันๆ แต่คณะครูต้องทำงานอย่างหนัก  มีการระดมความคิดเพื่อจัดหารูปแบบการเรียนการสอนเพื่อให้เข้าสู่เป้าหมาย  ผมเห็นสื่อการสอนบนกระดานมีมากมายเหลือเกินครับ  เพราะครูเห็นว่าการได้ทดลองสร้างเหตุการณ์หรือการจำลองสถานการณ์ขึ้นมาจะมีส่วนทำให้นักเรียนเข้าใจกระบวนการได้ง่าย  มีการซ้อมสอนโดยให้คุณครูท่านอื่นมาทดลองเป็นนักเรียน  เมื่อสอนเสร็จ  คุณครูผู้สอนต้องสามารถวิเคราะห์ชั้นเรียนของตัวเองว่า  บรรลุเป้าหมายหรือไม่  มีอะไรที่ขาดตกบกพร่องไปบ้าง  เพื่อที่จะได้นำไปแก้ไขในคาบเรียนหน้า  คุณครูเองก็จะได้ฟังคำวิจารณ์จากคณะครูผู้สังเกตการณ์การเรียนการสอนในวันนั้นอีก

sanprathom028-09แค่คิดก็เหนื่อยแทนครูแล้ว  ไม่ต้องถามผมหรอกครับว่าจะคิดมาเป็นคุณครูรุ่งอรุณบ้างหรือไม่?  ผมตอบได้ทันทีว่า  ผมคงไม่มีความสามารถขนาดนั้นหรอกครับ  ผมขอแค่เป็นคนช่วยสานต่อกระบวนความคิดแล้วนำมาปรับใช้กับลูกๆ ของผม  เท่านี้ก็เหงื่อตกแล้วครับ

ผมคิดว่าคณิตศาสตร์แนว Open  Approach  คงมีรายละเอียดต่างๆ อีกมากมายในกระบวนการ  ซึ่งผมต้องศึกษาเพิ่มเติมอีกมากมาย  ที่เขียนในบทความนี้เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมที่มาพร้อมกับความรู้สึกดีๆ  ที่มีกับการสอนในแนวนี้ที่เกิดมาจากการที่ได้เข้าชมชั้นเรียนทั้ง ๖ ระดับครับ

ขอขอบคุณผู้บริหารและคณะครูโรงเรียนรุ่งอรุณทุกท่านครับที่เห็นความสำคัญ ระบบการเรียนรู้ในแนวนี้เป็นการเรียนที่เข้าถึงคุณค่าการเรียนรู้ที่แท้จริง  ไม่ใช่แค่เรียนจากตำราเดิมๆ รูปแบบเดิมๆ ขอบคุณที่โรงเรียนไม่เคยย่่ำอยู่กับที่  มีการพัฒนาบุคลากรของโรงเรียนอยู่ตลอดเวลา และขอบคุณที่เปิดชั้นเรียนคณิตศาสตร์ให้ผู้ปกครองทุกท่านได้เข้าชมนะครับ

Leave a Reply

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.